เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา

 

ธรรมะจากอาจารย์แอน - ลุมพินี
19 มี.ค. 2559

 

เราออกเดินทางต่อไปไปยังลุมพินี สถานที่ประสูติ ที่อยู่ในเขตประเทศเนปาล ตามพุทธประวัติ ลุมพินีตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวหะนคร และตามธรรมเนียมสมัยนั้น ฝ่ายหญิงจะต้องเดินทางไปคลอดบุตรที่บ้านพ่อแม่ของตน พระนางสิริมหามายา จึงเสด็จไปพระราชวังเดิมของกษัตริย์โกลิยะ พระราชบิดาของพระนางที่เมืองเทวทหะนคร ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงกบิลพัสดุ์นัก เมื่อขบวนยาตราไปได้ประมาณ ๒๐ กิโลสมัยนี้ ถึงป่าลุมพินี พระนางเจ้าก็ประชวรพระครรภ์ประสูติเจ้าชายสิทธัตถะที่ใต้ต้นสาละ ทรงประทับยืนเหนี่ยวกิ่งสาละ ณ วันวิสาขปุรณมี ดิถีเพ็ญเดือนหก เวลาสายใกล้เที่ยง เพียบพร้อมด้วยมหาปุริสลักขณะ ๓๒ ประการ และก้าวพระบาทได้ ๗ ก้าว เป็นที่อัศจรรย์ 

 

 

สังเวชนียสถาน, พุทธคยา, ลุมพินี, กุสินารา, สารนาถ

 

สำหรับการประสูติของพระองค์ พระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าในภายหลังว่า

 

"ดูก่อน อานนท์ หญิงอื่นๆย่อมนั่งคลอดบ้าง นอนคลอดบ้าง ส่วนมารดาแห่งพระโพธิสัตว์หาเป็นอย่างนั้นไม่ มารดาแห่งโพธิสัตว์ย่อมยืนคลอดพระโพธิสัตว์"

 

"ดูก่อน อานนท์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์ออกมาจากครรภ์แห่งมารดา ในกาลนั้น เป็นผู้สะอาดหมดจด ไม่เปื้อนด้วยเมือก ไม่เปื้อนด้วยเสมหะ ไม่เปื้อนด้วยเลือด ด้วยหนองของไม่สะอาดอย่างใดๆ เป็นผู้สะอาดบริสุทธิ์ เหมือนแก้วมณีที่วางอยู่บนผ้าเนื้อเกลี้ยงอันมาแต่แคว้นกาสี แก้วก็ไม่เปื้อนผ้า ผ้าก็ไม่เปื้อนแก้ว เพราะเป็นของสะอาดหมดจดทั้งสองแห่ง"

 

"ดูก่อนอานนท์ โพธิสัตว์คลอดเช่นนี้ เหยียบพื้นดินด้วยฝ่าเท้าอันสม่ำเสมอ ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ก้าวไปเจ็ดก้าว มีฉัตรขาวกั้นอยู่เบื้องบน ย่อมเหลียวดูทิศทั้งหลายและทรงเปล่งวาจาประกาศความสูงสุดว่า ..เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ภพใหม่ของเราไม่มีอีกแล้ว..."

 

 

สังเวชนียสถาน, พุทธคยา, ลุมพินี, กุสินารา, สารนาถ

กลางภาพที่เห็นเป็นสะพานไม้ทอดเข้าไป เป็นจุดที่ประสูติ

 

สังเวชนียสถาน, พุทธคยา, ลุมพินี, กุสินารา, สารนาถ

ต้นศรีมหาโพธิ์และสระสรงน้ำ

 

เมื่อเราได้มีโอกาสมาถึงสถานที่สำคัญแล้ว ให้น้อมระลึกถึงวันอันสำคัญอย่างยิ่งในพุทธศาสนา ที่เป็นวาระของพระโพธิสัตว์มาจุติ เพื่อสำเร็จในโพธิญานเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมาเป็นพระบรมศาสดา นำพาเราทั้งหลายให้พ้นจากวัฏฏะนี้ ถ้าเดินตามรอยคำสอนของพระองค์ เร่งเพียรพยายามปฏิบัติอย่างไม่ท้อถอย จนสามารถเปล่งวาจาตามพระพุทธองค์ว่า ..ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ภพหน้าสำหรับพวกเราไม่มีอีกแล้ว..

 

เมื่อเราได้เข้าไปนมัสการแล้ว คงได้มีโอกาสนั่งสวด โมระปริต ที่เน้นความเสมอต้นเสมอปลายในการปฏิบัติ เป็นการคุ้มภัยจากความชั่วร้ายทั้งปวง ดังนกยูงทองโพธิสัตว์ ที่สวดบทนี้ทุกเช้า เมื่อวันที่ลืมสวดก็ได้รับภัยอันตรายจากมนุษย์

 

 

สังเวชนียสถาน, พุทธคยา, ลุมพินี, กุสินารา, สารนาถ

 

ตรงหน้าเสาศิลาจารึกที่พระเจ้าอโศกมหาราชปักไว้ตรงที่ประสูติ เป็นอนุสาวรีย์ที่มีค่าที่สุดในทางพุทธประวัติ เมื่อประสูติได้ทรงประกาศต่อโลกด้วยวาจาแรกว่า

 

"อัคโคหมสังมิ เชฏโธหมสังมิ โลกะสัส เสฏโฐหมสังมิ โลกัสสะ อยมนุติมา ชาติ นัตถิทานิ ปุนนัพภโวติ"

 

แปลว่า "เราเป็นผู้เลิศที่สุด เราเป็นผู้เจริญที่สุด และเป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดของเราเป็นครั้งสุดท้าย ภพต่อไปไม่มีอีก"

 

หวังว่าเราจะสามารถปฏิบัติจนเปล่งวาจาได้อย่างมั่นคง ไม่ลังเล... สาธุ

 

ถ้าเรามีเวลาเพียงพอ ก็จะได้ไปวัดนิโครธาราม กรุงเทวทหะ และกบิลพัสดุ์ สำหรับสองเมืองนี้คงต้องใช้ใจดู เราคงได้ผ่านเมือง แต่ที่วัดนิโคธารามคงได้มีโอกาสแวะไปเยือน

 

เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะ ทราบข่าวว่า พระโอรสได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาน ประกาศธรรมจักร ประทับอยู่ที่เวฬุวัน ในกรุงราชคฤห์ จึงให้อำมาตย์ไปทูลเชิญเสด็จกบิลพัสดุ์หลายครั้งหลายหน มาสำเร็จตอนส่งอำมาตย์ที่เป็นสหชาติของพระศาสดา คือ อำมาตย์นามว่ากาฬุทายี

 

เหล่าพระประยูรญาติทั้งหลายมาประชุมกัน เพื่อเตรียมหาที่ประทับแก่พระบรมศาสดา เห็นว่าปราสาทของเจ้านิโครธศากยะน่ารื่นรมย์  จึงซ่อมแซมตบแต่งเพื่อเตรียมรับเสด็จ ก็คือวัดนิโครธาราม ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง เวสสันดรชาดก และแสดงยมกปาฏิหาริย์  ต่อมาได้แสดง กินรีชาดก มหาธรรมปาลชาดก ยังพระเจ้าสุทโธทนะให้สำเร็จเป็นพระอนาคามี

 

มีเรื่องราวของเจ้าหญิงโรหิณี ที่เมื่อพระพุทธองค์ทรงประทับที่นิโคธาราม ได้เล่าถึงเจ้าหญิงว่า ไม่ได้มาเฝ้าพระอนุรุทธพร้อมพระอรหันต์ ๕๐๐ เพราะโรคผิวหนังบังเกิดที่สรีระ  พระอนุรุทธเถระจึงแนะนำให้เจ้าหญิงสร้างโรงฉัน พระนางได้ขายเครื่องประดับเพื่อสร้างโรงฉัน พระเถระและพวกญาติได้ช่วยกันดูแลการก่อสร้าง พระเถระแนะนำให้พระนางโรหิณีทำโรงฉันเป็น ๒ ชั้น ให้ปูอาสนะไว้ที่ชั้นล่าง ตั้งหม้อน้ำดื่ม แล้วกวาดพื้นไว้เสมอๆ  พระนางกวาดพื้นทำให้สะอาดอยู่เสมอ โรคผิวหนังของพระนางก็หายไป

 

พวกเราได้เห็นอานิสงค์ของการทำความสะอาดวัดแล้วหรือยัง

 

พระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ นิโคธาราม กรุงกบิลพัสดุ์เป็นเวลา ๒ สัปดาห์ เหล่าพระราชวงศ์ทั้ง ๖ คือ ภัททิยะ อนุรุทธะ อานันทะ ภัคคุ กิมพิละ ศากยะวงศ์กบิลพัสดุ์ และเทวทัต ซึ่งเป็นศากยะวงศ์เทวทหะ พร้อมด้วยอุบาลี พนักงานภูษามาลาในราชสำนัก ตามเสด็จมากราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทยังที่ประทับพักแรม พระผู้มีพระภาคเจ้าประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่ทุกองค์ ภิกษุเหล่านั้นโดยเสด็จพระบรมศาสดาไปยังกรุงราชคฤห์