บทความพิเศษ

 

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๓๘ - บังทอง
3 มิ.ย. 2561

 

 ช่วงที่เกิดเหตุการณ์เป็นฤดูหนาวของจีน แต่ว่าอิทธิพลของดาวอาทิตย์ที่เข้าอยู่ในธาตุลมกับธาตุไฟ ในช่วงนี้ต้องมีช่วงหนึ่งที่จะมีลมสลาตัน ในช่วงตรุษจีนของทุกปีจะมีเหตุไฟไหม้ ดาว ๑ ๔ ๗ ก็หมายถึงหมอกควันพิษ ในเมืองจีนหมอกลงจัดในช่วงนี้ 
 
ขงเบ้งใช่แต่เก่งในการรบพิชัยสงครามหรือดวงดาวหรือฮวงจุ้ยเพียงอย่างเดียว แต่เก่งทุกด้าน กลอุบายที่ใช้หลอกยืมลูกเกาทัณฑ์มาใช้ ก็เป็นกลอุบายที่ซุนเกี๋ยนเคยใช้มาก่อนเมื่อครั้งที่รบกับเล่าเปียว ตอนนั้นอ้วนเสี้ยวอ้วนสุดมีเรื่องโกรธกัน อ้วนสุดก็ส่งหนังสือมาชวนซุนเกี๋ยนยกทัพไปรบกับเล่าเปียวที่เมืองเกงจิ๋ว  ตัวเองจะยกทัพไปตีพร้อมกัน ซุนเกี๋ยนก็ตอบตกลงเพราะมีความแค้นกับเล่าเปียวมาแล้ว ตอนนั้นชุนเกี๋ยนยกทัพเรือมาถึงปากน้ําเมืองอ้วนเสีย ก็เจอกับหองจองคุมทหารมาดักอยู่แล้ว ก็กระหน่ํายิงด้วยเกาทัณฑ์ถึง ๓ วัน ๓ คืนจนหมดลูกเกาทัณฑ์ไป ๕ หมื่นดอก ซุนเกี่ยนไม่ได้รับอันตราย กลับให้ทหารเก็บลูกเกาทัณฑ์ที่ปักติดเรือรบ เอาไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป 
 
ประวัติศาสตร์ของต้นตระกูลกันตั๋งตรงนี้ ขงเบ้งกลับรู้ดีกว่าจิวยี่ และเอากลยุทธ์อันนี้ ออกมาใช้อีกครั้ง เพื่อหลอกเอาลูกเกาทัณฑ์ของโจโฉมาใช้ ซึ่งตอนคุยกับโลซก ขงเบ้งก็ยังสำทับไปว่า นอกจากจะเรียนรู้ฟ้ารู้ดิน รู้ว่าหมอกจะลงเมื่อไหร่แล้ว ต้องรอบรู้ประวัติศาสตร์อีกด้วยว่า กลอุบายอันนี้ ซุนเกี๋ยนเคยใช้มาก่อน ขงเบ้งจะเป็นคนที่รอบรู้ทั่วไปหมด ใครรบกับใครที่ไหน มีปัญหาอย่างไร ใครใช้ยุทธวิธีแบบไหน ในพื้นที่แบบไหน ขงเบ้งใช้เวลาว่างศึกษาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นคนที่จะเก่งได้ ต้องรอบรู้ ต้องศึกษา 
 
เบื้องหลังของการเผาทัพเรือ มีผู้ที่มีปัญญาแต่อาภัพอีกคนหนึ่ง คือ บังทอง ในหนังสือสามก๊ก ได้กล่าวถึงผู้ที่มีสติปัญญาไว้อยู่เพียง ๒ คน คือ ฮกหลง กับ ฮองซู ที่ปรากฏข้อความว่า ฮกหลง ฮองซู มีสติปัญญาหลักแหลมนัก แม้ได้คนใดคนหนึ่งมาช่วยราชการ ก็จะปราบปรามข้าศึก ทำบ้านเมืองให้เป็นสุขได้ ผู้ที่ชื่อฮกหลงคือ ขงเบ้ง แต่ว่า ฮองชู หรือ บังทอง แทบไม่มีใครรู้จัก คือเป็นชาวเมืองซงหยงเหมือนกัน ศึกษาศิลปวิชา มีความรู้ฉลาดทัดเทียมกับขงเบ้ง จนมีคนเชื่อว่าถ้าได้นักปราชญ์ทั้ง ๒ นี้มาช่วยในการรบเพียงคนเดียว ก็จะปราบปรามก๊กอื่นได้ แต่เล่าปี่ไปเชิญขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษาก่อน บังทองจึงไม่มีโอกาสแสดงฝีมือ
 
ความแตกต่างระหว่างขงเบ้งกับบังทอง ถ้าเราย้อนมาดูดวงดาว ขงเบ้งจะมีดาวศุภเคราะห์รายล้อมลัคนา ทําให้มีผิวพรรณหน้าตาดี เป็นเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น ดาวแห่งสติปัญญาอีกดวงคือ ดาว ๔ ของขงเบ้ง มีความสัมพันธ์กับดาว ๒ คือดาวคู่มิตร มีความเมตตา อ่อนโยน พูดจาก็ไพเราะน่าฟัง ในขณะที่ฮองซูหรือบังทอง มีดาว ๔ เป็นคู่สมพลกับดาว ๗ พูดจาเป็นที่น่าเชื่อถือ แต่สติปัญญานั้นยังจํากัด คือยังมีคิดหวาดระแวง เพราะฉะนั้น ๔ กับ ๗ อยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะได้คู่สมพล ทางวาจาพูดจาเป็นที่เชื่อถือ แต่ว่าจะแข็งไปนิดหนึ่ง แล้วก็ดาวบาปคราะห์รายล้อมลัคนา ทําให้ผิว พรรณหน้าตาไม่งาม การพูดจานั้นก็ดูไม่อ่อนโยน เข้มแข็งก็จริงแต่ว่าไม่น่ารัก 
 
ตอนที่มีกลอุบายในเรื่องเผาทัพของโจโฉนั้น เบื้องหลังเป็นความคิดของบังทอง เพราะครั้งนั้น โจโฉยกทัพมาเกงจิ๋วจะเข้าตีกันตั๋ง บังทองกลัวทหารโจโฉจะทําร้ายตัวเอง เลยหนีมาอยู่ชายแดนเมืองกั๋นตั๋ง ก็มาหาโลซกซึ่งก็เป็นเพื่อน รู้จักกันหมด 
 
ในตอนนั้น โลซกก็เป็นที่ปรึกษาใหญ่ของกันตั๋งอยู่แล้ว โลซกก็จะไปคุยกับหลายคน  ไม่ได้ไปคุยกับขงเบ้งคนเดียว ก็ไปคุยกับบังทองด้วย แล้วปรึกษาอุบายที่จะรบกับโจโฉ บังทองก็บอกว่า ให้คิดอ่านเอาโซ่ล่ามเรือโจโฉ เอาตะปูตรึงไว้ทุกลํา แล้วเอาเพลิงจุดมาเสีย โจโฉถึงจะแตก โลซกก็นําเรื่องมาบอกจิวยี่ ซึ่งมีความคิดอยู่แล้วว่าน่าจะใช้ไฟ และความคิดนั้นก็ตรงกับขงเบ้ง แต่ก็สรรเสริญบังทองว่าเป็นผู้ที่มีสติปัญญา จิวยี่ก็นับถือบังทอง แต่นับถือว่าเป็นคนดี เป็นอาจารย์เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ให้รับราชการในตําแหน่งใด คือจิวยี่ยังมีนิสัยที่เรียกว่า ไม่เห็นผู้ใดดีเกินตน คิดเองดีกว่า ไม่เอาที่ปรึกษาคนไหนมาใกล้ตัว ไม่เหมือนซุนกวน ไม่เหมือนซุนเซ็ก ไม่เหมือนโลชก ครั้งจิวยี่ยกทัพมารบกับโจโฉ สิ่งที่บังทองทําได้คือเพียงมาลอยเรืออยู่เท่านั้นเอง
 
บังทองมีผลงานมากมาย การที่โจโฉแตกทัพเรือ เป็นผลงานของบังทอง โจโฉให้เจียวก้านมาสืบข่าว จิวยี่ก็ซ้อนกล จับเจียวก้านขึ้นไปกักขังบนเนินเขา ให้พบกับบังทอง เจียวก้านก็พาบังทองไปพบโจโฉ โจโฉมองเห็นว่า บังทองเป็นผู้ที่มีสติปัญญา เรียกอาจารย์ทุกคํา ก็พาไปดูรอบๆ ค่ายทั้งหมด เพื่อจะปรึกษาว่าบังทองมีความเห็นอย่างไร 
 
บังทองให้ความเห็นว่า น่าจะเอาเรือทั้งหมดมาตรึงเป็นแพ เพราะว่าทหารโจโฉชํานาญรบทางบก เพราะฉะนั้นเมื่อตรึงแพไว้ด้วยกันเหมือนรบอยู่บนบก สะดวกแก่การรบด้วย ทหารบกก็จะได้ลงเรือทําการรบได้ โจโฉไม่ทราบว่านี่เป็นแผนการของบังทอง ก็เห็นว่าเป็นความคิดที่ดีและมีความเชื่อถืออยู่แล้วด้วย ความที่มองคนเป็นก็จริง แต่มีความเชื่อถือโดยไม่หวาดระแวงเลย ขนาดเทียหยกที่ปรึกษา ได้เตือนว่าถ้าข้าศึกลอบเอาไฟมาจุดขึ้น เรือรบที่ร้อยติดกันไว้ ไฟก็จะไหม้ถึงกันหมด แต่โจโฉก็ตอบว่า ฤดูนี้มีแต่ลมว่าวกับตะวันตก ซึ่งกองทัพของเราตั้งอยู่เหนือลม จิวยี่อยู่ปลายลม แม้ว่าจิวยี่จะให้ทหารมาลอบจุดไฟเผา ลมก็จะพัดกลับไปไหม้จิวยี่เอง ไม่ต้องกลัวอะไร ซึ่งที่ปรึกษาก็เห็นดีเห็นงาม ตรงนี้บังทองได้แต่นิ่งๆ เอาไว้ เพราะว่ามองรูปการณ์ออก 
 
สติปัญญาก็พอๆ กับขงเบ้ง ดาว ๔ ก็ดีพอๆ กัน แต่ว่าบังทองไม่มี จันทร์ ครุ สุริยา ไม่เป็นที่ปราถนา ไม่ได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน การเริ่มต้นรับราชการของบังทอง เป็นการเริ่มต้นรับราชการแบบว่า เมื่อโลซกเห็นว่าบังทองไม่ได้รับราชการ จิวยี่ก็เฉย ซุนกวนก็เฉย โลชกก็พยายามที่จะเอาบังทองเข้าไปพบซุนกวน แต่ว่าชีวิตของบังทองก็คงอาภัพ เพราะว่ารูปร่างลักษณะภายนอกหน้าตาไม่ดี เมื่อเข้าไปพบซุนกวน ไม่ประทับใจผู้พบเห็น เห็นเป็นคนพลุ่งพล่านธรรมดาๆ คนหนึ่ง ขนาดขงเบ้งเขียนจดหมายฝากไปให้เล่าปี่ เล่าปี่ก็เฉยๆ ให้บังทองไปรับราชการอยู่ที่อื่นนอกเมือง ไม่ได้มาอยู่ใกล้ชิดเป็นที่ปรึกษา เพราะฉะนั้นบังทองเริ่มต้นในการรับราชการ ก็ไม่แสดงถึงความโดดเด่น เพราะไม่มีจันทร์ คุรุ สุริยา มีสติปัญญาดี พฤหัสก็ดี แต่พุธไปได้ ดาวเสาร์ สติปัญญาถึงดี แต่พูดแข็งไปนิดหนึ่ง 
 
บังทอง