ฮวงจุ้ยพื้นฐาน

 

ปัญหาของเด็กๆ และความเข้าใจของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ตอนที่ ๓
21 ม.ค. 2561

 

เพราะฉะนั้น สภาพแวดล้อมที่เราสังเกตกับสิ่งที่เราเข้าใจลูก กับสิ่งที่เราจะใส่เข้าไปกับทำเลบ้าน ต้องสอดคล้องกัน มันคือสภาพแวดล้อมทางวัตถุและบุคคล สังเกตบ้านที่เป็นทรงไทยโปร่งโล่ง ลมพัดทุกทิศทาง เห็นได้มากที่ต่างจังหวัด เด็กมีปัญหาน้อยที่สุด แล้วยิ่งมีคุณยายอยู่ที่บ้าน ทำขนมให้กิน พาหลานไปวัด เด็กถูกหล่อหลอมมา น้ำ ไม้ ไฟ มีทั้งหลักการ มีระเบียบวินัย มีทั้งความเป็นธรรมชาติของธาตุไม้ และธาตุน้ำ ไฟ อยู่ในบ้าน เด็กก็จะรู้สึกว่าเขาปลอดโปร่ง และเมื่อถึงวัยเรียน เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทุกคนต้องไปโรงเรียน ไม่มีอะไรที่ปิดปัง พ่อแม่ก็ทำงาน มีความเจริญให้เห็น  มีการวางตนให้เป็นระบบระเบียบให้ลูกดู ลูกก็จะเก่งทุกคน อันนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้พูดยกเมฆส่งเดช สังเกตดู ต่างจังหวัดมีอยู่หลายครอบครัวทีเดียว
 
มีครอบครัวหนึ่ง เป็นอาจารย์ทั้งคู่อยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บ้านอยู่ติดห้วยแก้ว ติดกับน้ำ มีพืชพันธุ์เขียวชอุ่ม ลูกเรียนเก่งทั้ง ๓ คน เป็นนายแพทย์ทั้ง ๓ คน  อีกบ้านที่นครสวรรค์ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นครูทั้ง ๒ คน ลูกชายลูกสาวก็จบมหาวิทยาลัย อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ถามว่าเขามีปัญหาจุกจิกไหม ก็ตอบว่าลูกชอบเล่นไลน์ มีเพจ เฟสบุ้คครบทุกประการ เขาเรียกว่ามีพฤติกรรมร่วมสมัยทุกบ้าน แต่สภาพแวดล้อมทางวัตถุและบุคคลสอนให้เขามีวิธีคิด ให้เขาเดินไปในทางที่ถูกต้อง พ่อแม่รู้จักถอย หนึ่งก้าว  บางครั้งเราดูลูกเรา เราต้องย้อนดูตัวเอง เป็นกระจกส่องให้เห็นพฤติกรรมของเรา และบางพฤติกรรม อาจจะเกิดจากบุญหรือกรรมของเขาเอง  เราต้องยอมรับตรงนี้ แล้ววิธีการถ่ายทอด เราต้องสร้างใหม่ บุญใหม่ วิธีคิด ยกตัวอย่างให้เห็นผลคือ ทั้งเหตุและผล คือต้องปากเปียกปากแฉะกันอยู่พักหนึ่ง เพราะฉะนั้นเขาถึงได้บอกว่าพ่อแม่คือพระที่จะต้องสอนลูกทุกวัน
 
ความสนใจของเด็กที่มีต่อหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เข้ามาทุกวันนี้ พ่อแม่บางคนพยายามจะลดความสนใจของลูกให้ไปสนใจเรื่องเรียนอย่างเดียว บางคนบอกว่าลูกมีกิจกรรมเยอะ จะต้องลดทอนพวกนี้ไปเลยดีไหม หรือว่าจะทำอย่างไร บางคนคอมพิวเตอร์จะไปงดไม่ให้ใช้ ไม่ทราบจะทำอย่างไร 
 
คืออันนี้ เราต้องทำใจอย่างว่า สมัยนี้มันเทคโนโลยี เด็กจะคุยแข่งกัน บางทีบางโรงเรียนอาจจะไม่ได้บังคับ จากประสบการณ์เราที่คุยกับคุณครู เพราะว่าเด็กจนเด็กรวยก็มี แต่ความที่เขาต้องการเป็นหนึ่ง เราต้องสอนให้เขามีวิธีคิดที่ถูกต้องว่าเขาจะเด่นได้ เด่นในทางที่ถูกมีอะไรบ้าง อะลุ้มอล่วยให้บ้าง คือต้องแล้วแต่เทคนิคของพ่อแม่แต่ละคนว่า จะให้อย่างมีเหตุมีผล ให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาได้เกินคนอื่นแล้ว เขาจะทำอยู่ในขอบเขตขนาดไหน
 
สิ่งที่อยากจะเพิ่มเติมคือ ฮวงจุ้ยที่บ้านเรา ต้องการการปิดพลัง เช่น มีต้นไม้โอบบ้าน มีถนนโอบบ้าน สายรัดหยกโอบบ้านอะไรทำนองนี้ เด็กก็ต้องการการโอบเหมือนกัน ก็คือบ้านให้ความอบอุ่นกับเขา มีผู้ใหญ่เป็นที่พึ่งพิงที่อบอุ่น ไม่ใช่คอยทิ่มแทง ทิ่มตำด้วยวาจาหรือการกระทำที่ไม่ได้ดังใจเรา ถ้าสังเกต เด็กบางทีเรียนเก่ง เพราะว่าเขารักคุณครู ถ้าเกิดว่าเด็กกับครูไม่ถูกกันตั้งแต่แรก วิชานั้นก็จะไม่เป็นท่าแล้ว ก็ต้องหาครูสอนพิเศษที่เด็กรักมาอีกคนหนึ่ง นี่คือวิธีแก้ เราต้องค้นหาปัญหาให้เจอ ต้องหาเหตุผลให้เจอ เราต้องจดจำข้อนี้ให้ดี 
 
เด็กทำความผิดด้วยเหตุรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มันไม่ใช่นิสัยหรือสันดานประจำตัว ต้องคิดอย่างนี้ สอนได้ ทำโทษได้ แต่ผ่านแล้วต้องจบเลย ไม่ต้องรื้อฟื้น เราจะย้อนไม่ได้ เราย้อนเท่ากับเราฝังความคิด ความเจ็บช้ำ แถมยังให้จดจำพฤติกรรมนั้นอีก แค่อย่าทำอีก และอย่าไปให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นั้นๆ มากนัก คือเราต้องสร้างบุญใหม่ ด้วยคำพูด สร้างสภาพแวดล้อมทางวัตถุและบุคคลหรือบุญใหม่ให้เขาทุกวัน
 
เด็กคือน้ำ มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ธาตุน้ำ ดินต้องควบคุม เราต้องเป็นดินสำหรับลูก แล้วก็มีประโยคหนึ่งที่ชอบมากๆ  มีนายพลคนหนึ่ง ลูกสาวนั่งรถเบ็นซ์ทุกวัน นายพลคนนี้ก็จะขี่จักรยานไปคุยกับชาวบ้าน ซื้อน้ำเต้าหู้ทุกวัน อาแป๊ะก็ถามว่า “ลื้อเป็นนายพล ทำไมลื้อไม่ขับรถเก๋ง ลูกนั่งรถเก๋งไปทุกวัน” ท่านนายพลก็บอกว่า “เรามันเป็นลูกชาวนา แต่ลูกสาวเขาลูกนายพล มันไม่เหมือนกัน” อย่างเราๆ ท่านๆ อาจจะมาจากครอบครัวที่สร้างเนื้อสร้างตัว เราจึงมีระเบียบวินัยในความพยายาม แต่ลูกของเราทั้งหลายเป็นลูกเถ้าแก่เนี้ย เป็นลูกผู้บริหารระดับสูง เพราะฉะนั้น เขากับสภาพแวดล้อมมันต่างกัน เพราะฉะนั้น วิธีคิดเราต้องรู้ว่าเขาเป็นอย่างนี้เพราะอะไร เด็กสมัยนี้สบาย สิ่งสะดวกสบายมีให้เห็นทางโทรทัศน์ ไม่ต้องไปขวนขวาย ออกไปซื้อ เดลิเวรี่ทั้งนั้นเลย ส่งได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเด็กสบาย เราจะทำอย่างไรที่สร้างวิธีคิดให้กับเขาค่ะ