ฮวงจุ้ยพื้นฐาน

 

ปัญหาของเด็กๆ และความเข้าใจของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ตอนที่ ๑
21 ม.ค. 2561

 

สืบเนื่องมาจากที่การปฏิบัติธรรมของหลายๆ คน อาจจะบอกว่าไม่มีเวลา หรือว่าจะต้องหาจังหวะเวลาสักช่วงหนึ่งไปทำบุญหรือปฏิบัติธรรม ทำสมาธิตามประสาผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธมาตั้งแต่กำเนิด ทุกคนก็มีใจที่จะใฝ่อยู่ในทางธรรม เพราะว่ารุ่นปู่ย่าตาทวดของเราเรียกว่าปฏิบัติกันเป็นประจำ แต่ว่าปัจจุบันดูเหมือนจะร้างห่างวัดไปหมด แล้วก็ด้วยเหตุหลายๆ อย่าง เช่นสภาพทางเศรษฐกิจบ้าง ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ หรือว่าความเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือว่าสภาวะเศรษฐกิจ ตลอดถึงความวิตกกังวลที่มีต่อลูกๆ หรืออาจจะมีบริวารเข้ามาด้วย แต่วันนี้จะพูดในหัวข้อเรื่องเด็กๆ ด้วยว่า เพิ่งผ่านวันเด็กมา แต่อาจารย์แอนก็อยากจะบอกคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน คงจะมีความรู้สึกแบบเดียวกัน เพียงแต่เราไม่ได้ไปพูดไปคุยกับใคร

 

อาจารย์แอนพอมีประสพการณ์ ได้พูดได้คุยกับคนเยอะในแต่ละวัน รวมทั้งประสบการณ์ของตัวเองด้วย และก็มีลูกเหมือนกัน เด็กๆ ปัจจุบันมีพฤติกรรมเป็นไปในทางเดียวกัน ไม่เฉพาะลูกเราที่เล่นไลน์ เฟสบุ้ค วันๆ มีมือถือเป็นคู่ใจ มีการสื่อสารถึงกัน สภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกัน เราจะห้ามหรือจะไปโทษลูกเราไม่ได้ เพราะการมีเพื่อนกับต้องมีโลกสังคมของโซเชี่ยลเน็ทเวิร์ค นั้นควบคู่กันไป

 

การมีเพื่อนเยอะ มีสังคม และมีการรักใคร่ในหมู่เด็ก มีคอนเสิร์ตให้ดูกัน แล้วคุยกัน รู้กันในสิ่งที่เราอาจไม่รู้หรือตามไม่ทัน รวมถึงพฤติกรรมอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่สบายใจ แล้วก็กลัวว่าลูกจะหลงไปในทางที่ผิด บางคนกังวลมากกับ ความเฉื่อย ขาดระเบียบ แล้วก็มีคำว่า เดี๋ยว และพ่อแม่จะรู้สึกว่า ทำไมรุ่นเราไม่อย่างนี้เลย การบ้านก็ไม่ต้องมานั่งจ้ำจี้จ้ำไช  อย่ากังวล เหมือนกันทุกบ้านค่ะ

 

มีเด็กอยู่คนหนึ่ง เป็นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบดีมาก แล้วก็เป็นคนไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ ซึ่งเขาก็คือเหมือนเด็กทั้งหลาย วันหนึ่งเป็นวันพบผู้ปกครอง (ลูกศิษย์เล่าให้ฟัง) ครูก็ถามเด็กทุกคน ให้ออกมาพูดหน้าห้องว่าหนูอยากเป็นอะไร คนที่หนึ่ง สอง สามก็อยากจะเป็นหมอ เป็นทันตแพทย์เป็นนักบิน แต่ลูกของคนคนนี้... “ผมอยากจะเป็นหมาครับ” คุณแม่ตกใจเลย ทำไมลูกคิดอย่างนี้ แม่เกิดความรู้สึกแม่เลี้ยงลูกมาขนาดนี้ ทำไมลูกคิดอย่างนี้ ก็เข้าใจว่าเด็กเขามีจินตนาการ เขาบอกว่าถ้าเป็นหมามันสบาย ไม่ต้องมานั่งทำการบ้านกับแม่  พอฟังคำตอบคุณแม่ก็น้อยใจ  ถ้าเรามองอีกมุม สะท้อนให้เห็นอย่างหนึ่งว่า พวกเราซึ่งเป็นพ่อแม่ดุเกินไปหรือเปล่ากับลูกก็ได้ แต่ว่าอย่าไปน้อยใจลูกเลย ที่เขาตอบอย่างนี้ มองในแง่ขันนะ เขาก็คิดง่ายๆ แบบตลก และไม่อยากติพ่อแม่เพราะเข้าใจว่าดุเพื่ออะไร ดังนั้นในบางครั้งเราก็ต้องถอย หนึ่งก้าว เราจะเห็นโลกกว้างขึ้น แล้วเราก็จะมองเห็นว่า บางครั้งใช่ว่าลูกจะปรับตัว แต่เราก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน เพื่อให้รู้ว่าเราไม่ได้ครอบเขา แต่เราใส่ความคิดให้เขา รู้จักคิด มีวิธีคิด ที่เป็นไปในทางที่ถูกต้องโดยไม่ต้องไปบังคับเขา

 

หลายคนมีปัญหาเรื่องลูกสมาธิสั้น  สิ่งที่เราตรวจดูดวงชะตาของเด็กที่สมาธิสั้น ส่วนใหญ่จะมีภพวินาศที่โดดเด่น เช่นมีดาวเกษตร ดาวมหาจักร ดาวอุจจ์ หรือว่าการสัมพันธ์กันของดวงดาวคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพงศ์อยู่ในเรือนวินาศ ทำให้เด็กมีไหวพริบปฏิภาณดีกับปัญหาเฉพาะหน้า แล้วก็ทำอะไรในวินาทีสุดท้าย เขาก็คิดของเขาออก หรือว่ามีสมาธิสั้นคือเฉพาะเรื่องที่เขาจะสนใจเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นมาก คือลูกชาวกรุงเทพฯ เป็นกันเยอะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้มันมีการแข่งขันกันที่จะดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อการโฆษณา เครื่องสำอาง การใช้ของ ของเล่นอะไรต่างๆ มันจะดึงจากอันหนึ่งไปสู่อันหนึ่งนี้เร็วมาก มันเป็นการฝึกให้เด็กไม่หมกมุ่นหรือว่าไม่จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งระยะเวลานั้น นั่นคือสภาพแวดล้อมหล่อหลอมเขามาอย่างนั้น

 

สิ่งที่พ่อแม่จะให้เขาได้ ก็คือวิธีคิด กับเล่าเรื่อง คือถ้าเขาฟุ้งซ่านก็เล่าหลายๆ เรื่องที่เราได้ยินได้ฟังมา ก็ใส่ความคิด คือเมื่อก่อนเราเล่านิทานอีสป แล้วก็ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ปัจจุบันเราต้องเอาจากเหตุการณ์จริงมาเล่า แล้วก็นิทานสอนให้รู้ว่า คือพ่อแม่ใส่ลงไป เพื่อสร้างสัญชาติญาณของเด็ก ในเวลาที่เด็กคิดอะไรก็จะไปสอดคล้องกับดวงที่ว่า คือเขาจะต้องคิดโดยสัญชาติญาณ เพราะว่าภพวินาศคือสัญชาติญาณของเด็ก เราต้องสร้างไปที่สัญชาติญาณเลย เมื่อถึงเวลาหนึ่งเขาจะตัดสินใจตามทีเขาได้ยิน ปากเปียกปากแฉะอยู่ทุกวัน อันนี้คือสิ่งสำคัญ

 

ทีนี้ถ้าเด็กคนไหนเป็นคนที่ขาดระเบียบวินัยในตนเอง คือ เราจะต้องมีความเข้าใจอีกอย่างหนึ่งว่า โลกเราทุกวันนี้คือสภาพแวดล้อมไม่ได้เอื้ออำนวยให้เด็กมีวินัย ดูจากหนังละครโทรทัศน์ ไม่เคยแสดงให้เห็นว่าตัวเอกทั้งหลายมีวินัยในการดำเนินชีวิตเลย เป็นว่าหล่อหลอมให้เด็กขาดระเบียบวินัย แล้วก็เราผู้ใหญ่เอง ก็ไม่ได้แสดงความเป็นระเบียบวินัยให้เขาเห็น เพราะว่าชีวิตประจำวัน เช้าค่ำยันดึกของเรา มีงานมีโน่นมีนี่ บางทีในบ้านเราก็ไม่ได้จัด แล้วเราจะไปคาดหวังให้เด็กของเรามีระเบียบวินัย ก็คงจะลำบาก แต่สิ่งเหล่านี้เราสามารถที่จะแก้ไข ด้วยการทำอะไรที่เป็นเวลา แล้วก็มีสัจจะกับเด็ก ๒ ประการอันนี้ที่จะทำให้เขารู้หรือว่าทำให้เขาได้เห็นในช่วงเช้า พ่อแม่ทำให้เป็นเวลาแล้วก็มีสัจจะ คือทุกวันเป็นเวลากับช่วงเย็นทำให้เห็น ๒ เวลาทุกวันๆ แล้วก็ควบคุมให้เด็กนั้นเดินตามเรา ก็พอที่จะแก้ไขได้ แต่อย่าคิดว่าสิ่งเหล่านี้ผิดปกติ มันเป็นทุกบ้าน

 

ส่วนเรื่อง การเล่นไลน์ โพสต์เฟสบุ้ค ใช้มือถือ เซลฟี่ อันนี้ ผู้ใหญ่ทำให้เห็นก่อน แกออกไปสังคมตรงไหน มีแต่เสียงโทรศัพท์ สังคมก้มหน้าอยู่รอบตัว เต็มไปหมด ผู้ใหญ่มีธุรกิจติดต่อ เป็นข้ออ้าง แต่เราห้ามลูกไม่ให้ใช้โทรศัพท์ ในขณะที่เรากำลังโทรศัพท์แล้วก็บอกว่าอย่าใช้นะ แล้วเราก็ก้มหน้าต่อ คือตัวอย่างมีให้เห็นแล้วเป็นพ่อปูแม่ปู เขาก็ต้องอยู่กับโทรศัพท์ ดังนั้น ต้องกำหนดเป็นเวลา เช่นช่วงกินข้าวจะปิดมือถือ ไม่เล่นไลน์ ไม่รับสาย ลูกเขาจะทำตามเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องโทรศัพท์ให้เป็นเวลา เป็นแบบอย่างให้ได้เสียก่อนที่จะไปบังคับหรือสั่งเขาได้