กรณีศึกษาฮวงจุ้ย

 

กรณีศึกษา ที่ 1 ทำเลหน้าสูง หลังต่ำ
3 ต.ค. 2553

 

ทำเลหน้าสูง หลังต่ำ
บันทึกโดย...ปิงสุ่ย

หากท่านผู้อ่านเปิดเข้ามาในคอลัมน์นี้ ผู้เขียนขอสันนิษฐานไว้ก่อนว่าต้องเป็นผู้ที่สนใจในศาสตร์ฮวงจุ้ย  ถ้าอย่างนั้น คงเคยได้ยินคำว่า หน้าต่ำหลังสูง ยิ่งอยู่จะยิ่งเจริญ แต่หากสถานที่ใดมีลักษณะที่หน้าสูงหลังต่ำ รูปการก็จะเปลี่ยนไปใช่มั้ยคะ 
 

 

หน้าต่ำหลังสูง, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, ฮวงจุ้ยโรงงาน, นักษัตร, จับยี่เชียงแซ, เสือขาว มังกรเขียว

 

แต่แหม ! ถ้าผู้เขียนจะหาทำเลที่น่าสนใจมาเขียนให้ท่านผู้ใฝ่รู้ในศาสตร์ชนิดนี้อ่านทั้งที ก็ต้องหาเรื่องที่น่าสนใจ และแตกต่างไปสักหน่อยคงจะดี ดังนั้นทำเลในวันนี้แม้จะเกี่ยวเนื่องกับคำพูดข้างต้น แต่ความน่าสนใจกลับอยู่ที่ว่า ทำเลนี้กลับเป็นอย่างหลังค่ะ คือ เป็นพื้นที่ซึ่งหน้าสูงแต่หลังกลับต่ำ แต่ทำมั้ย !! เจ้าของกลับอยู่แล้วดีก็ไม่รู้

นั่นแน่ !ชักสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะ งั้นตามมาเลยค่ะ ผู้เขียนจะพยายามขยายความให้เข้าใจกันง่าย ๆ 

 

เจ้าของทำเลเป็นสามีภรรยา ที่ต่างคนต่างก็มีกิจการของตนซึ่งแม้จะตั้งกันอยู่คนละที่แต่เอื้อประโยชน์ต่อกัน คือ คุณ ข ผู้เป็นภรรยารับงานมาส่งให้ คุณ ช ตีราคาแล้วก็ทำส่งลูกค้าอย่างนี้เป็นต้น 

 

ในครั้งนี้ที่เชิญอาจารย์แอนมาก็เพราะว่า คุณ ช อยากจะปรับปรุงโรงงานของเขาที่ทำเกี่ยวกับงานกลึงซึ่งตั้งอยู่แถบปริมณฑลของกรุงเทพฯ  สถานที่แห่งนี้ ในตอนแรกที่ซื้อมาอย่างไรก็ใช้งานไปอย่างนั้น โดยยังไม่ได้ปรับปรุงอะไรกับโรงกลึงแห่งนี้มากนัก

 

โรงกลึงของ คุณ ช ตั้งอยู่ริมถนน ตอนนี้มีกิจการข้างเคียงขอซื้อที่ดินของเขาไปส่วนหนึ่ง ก็สอดคล้องกับความต้องการของ 2 สามีภรรยาที่อยากจะปรับปรุงพื้นที่ใหม่เสียที เนื่องจากปัจจุบันนี้ ในจุดที่เขาใช้ทำงาน ในบางส่วนมีน้ำผุดขึ้นมาจากกระเบื้องปูพื้น เมื่อมีโอกาสเอื้ออำนวยให้ โดยจะได้เงินทุนจากการแบ่งที่ขายไป ก็คิดจะทำเป็นอาคาร 5 ชั้น รวมทั้งชั้นใต้ดินด้วย เรียกว่าพอคิดอยากจะสร้างอาคาร  ก็มีคนคิดจะเอาเงินมาให้เป็นเงินทุนทันที แต่ก็ไม่แน่ใจว่าสมควรทำเช่นนั้นหรือไม่ ตามประสาศิษย์ที่ดีจึงเชิญอาจารย์แอนไปดูทำเล เพราะก็ความที่เป็นลูกศิษย์นี่ล่ะค่ะ ที่ทำให้ทราบว่า การเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้งจะมีผลต่อการงานและชีวิตของคน บางคน กิจการงานกำลังดีอยู่แท้ ๆ พอซื้อที่ใหม่ เปลี่ยนที่ทำงานใหม่ จู่ ๆ ชีวิตก็ดำดิ่งตกต่ำไปซะเฉย ๆ 

 

เมื่อไปถึงสถานที่และวัดองศาแล้วก็พบว่าที่ดินแห่งนี้หลังอิงทิศใต้  ท่านเจ้าของแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ส่วนดังนี้ค่ะ

1. ส่วนที่ใช้ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือแม้แต่การวางเครื่องจักร ส่วนใหญ่แล้ว จะอยู่ทางฝั่งขวาหรือมังกรเขียวของพื้นที่ ซึ่งก็คือทิศตะวันตกทั้งแถบ และเป็นแนวที่เพื่อนบ้านขอแบ่งซื้อที่ด้วย  ซึ่งเจ้าตัวก็อยากจะเรียนปรึกษาอาจารย์ว่า ควรจะแบ่งขายพื้นที่ด้านใดดี  ส่วนด้านหน้าของตัวอาคาร คือ ทิศเหนือ ก็เป็นส่วนที่โล่งในบางจุด และวางเครื่องจักรบ้างในบางมุม   

 

     หน้าต่ำหลังสูง, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, ฮวงจุ้ยโรงงาน, นักษัตร, จับยี่เชียงแซ, เสือขาว มังกรเขียว    

 

   หน้าต่ำหลังสูง, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, ฮวงจุ้ยโรงงาน, นักษัตร, จับยี่เชียงแซ, เสือขาว มังกรเขียว 

 

2. ส่วนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวและห้องทำงานของคุณ ช  จะอยู่ทางฝั่งเสือขาวของพื้นที่ ซึ่งจำเป็นต้องผ่านประตูก่อนจะถึงตำแหน่งนี้ แล้วยังเป็นพื้นที่ต่ำกว่าจุดที่ใช้งานของเครื่องจักรส่วนใหญ่ เพราะเมื่อผ่านประตูแล้วยังต้องลงบันไดไปอีก จากบันไดก็จะเป็นโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมวางอยู่ข้างบันได ซึ่งเท่ากับว่า ตำแหน่งนี้จะเป็นมุมตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของพื้นที่ มีส่วนที่น่าสังเกตก็คือ พื้นกระเบื้องตรงจุดที่ต่ำกว่าพื้นส่วนอื่นนี้เอง ที่เขาบอกว่าในบางครั้งก็มีน้ำผุดขึ้นมา ผลก็คือ ทำให้พื้นในตำแหน่งนี้ไม่สม่ำเสมอ กลายเป็นลอนเป็นคลื่นไป มิหนำซ้ำอาจารย์ยังเสริมอีกด้วยว่า ที่นี่หนูชุกชุมเป็นที่สุด ที่ใดก็ตามที่มีหนูมาก ก็จะมีขโมยมากตามมา เป็นเพราะว่า ทิศเหนือเสียนั่นเอง

 

       หน้าต่ำหลังสูง, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, ฮวงจุ้ยโรงงาน, นักษัตร, จับยี่เชียงแซ, เสือขาว มังกรเขียว    

 

   หน้าต่ำหลังสูง, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, ฮวงจุ้ยโรงงาน, นักษัตร, จับยี่เชียงแซ, เสือขาว มังกรเขียว

  

ด้านหลังสุด ตรงกับตะวันออกเฉียงใต้เป็นห้องน้ำ ติดกับโต๊ะอาหาร จะยกพื้นสูงเสมอกับส่วนที่วางเครื่องจักรทางฝั่งตะวันตก ด้วยการกั้นเป็นห้องทำงานของคุณ ช ซึ่งก็จะต้องขึ้นบันไดไปยังห้องนี้  แม้จะเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่ตำแหน่งที่ว่างระหว่างห้องทำงานกับห้องน้ำ ก็ยังจัดวางเครื่องจักรไว้อีก 1 ตัวเรียกว่า ท่านเจ้าของกิจการใช้ประโยชน์จากพื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด                                                          

ห้องทำงานของคุณ ช

ในปัจจุบันนี้

  • เขานั่งหันหลังอิงไปทางทิศตะวันออก
  • ประตูเข้าห้องอยู่ตรงมุมตะวันตกเฉียงใต้ของห้องนี้
  • ฝั่งมังกรเขียวของคุณ ช คือ ทิศใต้นั้นเป็นตู้สูงที่ประดิษฐานพระไว้ด้านบน ส่วนด้านล่างก็เก็บเอกสาร
  • ฝั่งเสือขาวเป็นตู้เตี้ย ก็เป็นที่วางรูปเคารพไว้อีกเช่นกัน แม้แต่รูปภาพที่ติดเหนือผนังด้านนี้ก็เป็น
    ภาพสิ่งของมีค่าที่คณะศิษย์ของอาจารย์ร่วมกันถอดออกทำบุญ
  •  

 

การวิเคราะห์และปรับแต่งทำเล

จากที่คุณ ข เล่าให้ฟังว่า ที่ดินผืนนี้มีคนขอซื้อทั้งผืนเลยก็มี แต่เหตุที่ไม่สามารถขายไปทั้งหมด ได้แต่แบ่งให้ไปบางส่วนนั่นก็เป็นเพราะว่า จะทำให้ไม่มีสถานที่สำหรับทำกิจการของตน เมื่อได้ฟังดังนั้น อาจารย์ก็มาดูดวงชาตาของคุณ ช กัน 

 

       หน้าต่ำหลังสูง, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, ฮวงจุ้ยโรงงาน, นักษัตร, จับยี่เชียงแซ, เสือขาว มังกรเขียว       

                  สรุปแล้วเขาเป็นคนเกิดวันธาตุน้ำ ฤดูไม้ เท่ากับน้ำนิ่มนวล 
              

คนที่เกิดวันธาตุน้ำจะมีธาตุไฟเป็นลาภ อีกทั้งธาตุที่เขาขาดเมื่อรวมออกมาทุกธาตุแล้วก็ยังเป็นธาตุไฟและดิน ที่หมายถึงโง่วหรือนักษัตรมะเมียอีกด้วย ดังนั้น โรงกลึงแห่งนี้หลังอิงทิศใต้ นอกจากจะทำให้ธาตุของเขาสมดุลแล้ว ก็ยังเท่ากับว่า เป็นสถานที่ให้ลาภผลแก่เขาเสมอมา จึงไม่น่าประหลาดใจว่า นอกจากจะเป็นสถานที่ทำเงินทองให้แล้ว ยังส่งผลให้มีคนสนใจจะขอซื้อที่ของเขาอีกด้วย 

 

ครั้นมาดู 12 ดวงดาว หรือ จับยี่เชียงแซ ก็พบว่า เขามี จื้อ หรือนักษัตรชวดที่มีความหมายของลาภผล ดังนั้น การที่เป็นที่ชุมนุมของหนูในสถานที่แห่งนี้กลับไม่ได้ส่งผลร้ายต่อเขา นอกจากนี้ หนูยังมีความหมายของการเก็บเล็กผสมน้อยอีกด้วย ลักษณะการทำงานแบบนี้จึงส่งผลให้เขามีลาภผลอยู่เสมอมา  แต่ปรากฏว่า ในจับยี่เชียงแซ โง่วหรือนักษัตรมะเมีย ที่หมายถึง ทิศใต้ กลับกลายเป็นหมายถึง การสูญสิ้นไป ในกรณีนี้อาจารย์แอนอธิบายว่า หมายถึงพื้นที่ซึ่งอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรม ไม่เจริญ หรือมีลักษณะอย่างโรงกลึงที่เป็นอยู่นี่ล่ะ อาจารย์เสริมว่า นับเป็นความโชคดีสำหรับคนที่มีดวงชาตาแบบนี้ ที่มาได้พื้นที่อยู่ในแนวเหนือใต้ แล้วยังเป็นทำเลมีลักษณะที่หน้าสูงหลังต่ำอีก โดยดูได้จากการที่เราต้องก้าวลงบันไดไปยังด้านหลังเพื่อจะไปยังห้องทำงานของเขานั่นเอง 

 

ดังนั้น คนที่มีดวงชาตาที่ทิศหลังอิงหมายถึง การสิ้นสูญ ความเสื่อมโทรม หากแต่เป็นธาตุลาภ มาอยู่ในสถานที่ซึ่งสอดคล้องกับดวงชาตาแบบนี้ จึงดำเนินกิจการมาได้ แม้จะเป็นพื้นที่หน้าสูงหลังต่ำที่จัดว่า เป็นทำเลที่ทางฮวงจุ้ยถือสาก็ตาม แต่ขอให้พึงระวังไว้หากว่าพื้นที่ไม่ได้อยู่ในแนวเหนือใต้ จะใช้หลักนี้ไม่ได้ 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อดวงชาตากำหนดมาแล้วว่า อยู่ในพื้นที่ลักษณะไม่เจริญแบบนี้แล้วกลับดี  ดังนั้น จึงไม่เหมาะที่จะสร้างโรงกลึงใหม่เป็นตัวอาคารสูง 5ชั้น มีชั้นใต้ดินที่หรูหรา โดดเด่น อย่างที่เจ้าตัววาดหวังเอาไว้ มิหนำซ้ำ หากจะจัดพื้นที่ให้สะอาดสะอ้านให้สมกับที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แอนก็ไม่ได้อีก จะทาสีตัวอาคารให้โดดเด่นสะดุดตาก็ไม่ควร หรือแม้แต่จะจัดเป็นแจกันดอกไม้สวยงามวางตามจุดต่าง ๆ ก็ไม่ได้ เฮ้อ ! อยากจะจัดให้สวยซะหน่อยก็ไม่ได้ คุณผู้อ่านคงอยากจะถามว่า เป็นเพราะอะไรเหรอ เหตุก็มาจากว่า จะขัดทั้งกับอาชีพที่ทำและดวงชาตา กลับจะทำให้กิจการทรุดลงไปด้วยซ้ำ  แม้ว่าคุณ ช จะมี เบ้าหรือนักษัตรเถาะที่หมายถึง ทิศตะวันออก ธาตุไม้ เป็นเชียงแซซึ่งมีความหมายที่ดีก็ตาม ก็ยังคงไม่สามารถจัดพื้นที่แห่งนี้ให้สะพรั่งไปด้วยไม้ดอก เหมือนกับทำเลอื่น ๆ ที่อาจารย์ไปจัดให้ซึ่งแทบจะเป็นสัญลักษณ์ของอาจารย์แอนไปแล้ว 

 

อาจารย์ฯ ให้ทั้ง 2 สามีภรรยาสังเกตว่า แม้แต่เมื่อมาครั้งก่อน ๆ ก็ไม่เคยบอกให้เปลี่ยนแปลงอะไรไปจากที่เป็นอยู่เลยฟังดูแล้วน่าเห็นใจจังเลยนะคะ ว่าอยากจะจัดที่ทำงานให้ดูรื่นรมย์ซะหน่อยก็ทำไม่ได้ แต่หากนึกไปอีกมุมนึงก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไงละคะ 

 

ดังนั้น ในเมื่อตกอยู่ภายใต้คำที่ว่า ความสูญสิ้นเป็นลาภไปเสียแล้ว คำแนะนำ ก็คือ ไม่ควรทำอะไรที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นสีสันหรือความสูงของตัวอาคาร หากแต่ควรสร้างแค่ 2 ชั้น หรือ 2 ชั้นครึ่งก็ได้ เพราะลักษณะของพื้นที่ในปัจจุบันนี้ ก็พอจะเรียกได้ว่า 2 ชั้นครึ่งเช่นกัน  และหากต้องการให้สถานที่ยังคงทำลาภผลให้กับตน ก็ควรจะสร้างในลักษณะที่กลมกลืนไปกับอาคารที่อยู่แวดล้อม จะเกินกว่าสิ่งที่อยู่รายล้อมไม่ได้ นั่นก็คือ อย่าหรู อย่าสูง อย่าโดดเด่น อย่าแสดงอำนาจเกินพื้นที่ 

 

คงมีคนอยากจะถามสักคนหรือ 2 คนบ้างหรอกน่า ว่าหากดึงดันจะสร้างให้ได้อย่างที่ต้องการ จะเป็นอะไร คำตอบก็คือ จะเข้าดวงชาตาที่สูญสิ้น นั่นก็คือ จะเอาลาภผลที่ได้มาไปทุ่มกับการสร้างตัวอาคาร งบประมาณในการก่อสร้างจะบานปลายเกิดคาด แทบจะเรียกได้ว่า เป็นการเริ่มต้นใหม่ด้วยการติดลบนั่นเอง  ในทางฮวงจุ้ยถือว่า ทำเลใดก็ตามที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องสูญเสียเงินมากเกินไป หรือทำให้การเงินฝืดเคือง เป็นสถานที่ที่ดำเนินกิจการอย่างระมัดระวัง นั่นแสดงว่าเป็นทำเลที่ไม่ส่งเสริมผู้อยู่อาศัยค่ะ 

 

ดังนั้น การบ้านที่ทั้งคู่ต้องไปทำมานั่นก็คือ ไปออกแบบตัวอาคารที่มีความสูง 2 ชั้นหรือ 2 ชั้นครึ่งก็ได้ หากคิดว่า พื้นที่ห้องทำงานไม่อำนวยให้มีหิ้งพระ ก็จัดชั้นบนสุดเป็นห้องพระและส่วนพักผ่อนส่วนตัวไป เพราะอาจารย์แอนไม่เห็นด้วยที่ให้ประดิษฐานพระพุทธรูปไปเสียทุกจุดในสถานที่ทำงานอย่างพื้นที่แห่งนี้ เพราะทางโลกและทางธรรมควรจะแยกกัน การทำงานเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับโลกอย่างเต็มที่ ส่วนทางธรรมคือ การมีหิ้งพระเพื่อสวดมนต์ไหว้พระนั้น ควรอยู่ในที่สงบ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสม มิฉะนั้น ทุกอย่างจะสับสนปนเปกันไปหมดทั้งโลกและธรรม ส่งผลให้ชีวิตจะสับสนปวดเศียรเวียนเกล้าไปด้วย 

 

หน้าต่ำหลังสูง, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, ฮวงจุ้ยโรงงาน, นักษัตร, จับยี่เชียงแซ, เสือขาว มังกรเขียวฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยบ้าน, รับดูฮวงจุ้ย, แก้ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยธุรกิจ, อาจารย์แอน

 

อาจารย์แนะนำว่า อาคารหลังใหม่ ควรออกแบบให้สอดคล้องกับความสะดวกในการทำงาน ระบุตำแหน่งที่วางเครื่องจักรที่ต้องใช้งานตามความจำเป็น ระบุรายละเอียดในแต่ละชั้น ระบุตำแหน่งประตูเข้าออก ด้วยตนเองก่อน แล้วอาจารย์จะตรวจดูแบบนั้นให้ภายหลัง เพราะจากแบบที่เขาคิดทำมานั้น จะบอกให้อาจารย์รู้ว่า มีอะไรที่เป็นจุดอ่อนในดวงชาตาที่ต้องปรับแก้ไขอีก 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรมีชั้นใต้ดิน ด้วยเหตุที่ว่า เป็นพื้นที่หนูชุกชุม ก็จะเกิดพื้นทรุด แฉะ น้ำขัง แล้วก็เท่ากับว่าไปสร้างแข่งกับหนู  ต่อไปก็จะกลายเป็นที่เก็บของ แล้วพอใช้เก็บของ ความชื้นแฉะเหล่านี้ก็จะทำให้ข้าวของเสียหายอีก ต่อไปก็จะทิ้งร้าง เรียกว่าเสียหายเสียเงินไปเปล่า ๆ หากต้องการเสียเงินจริง ๆ สู้เอาไปปรับพื้นที่ให้ดี ให้เสมอกันจะดีกว่า ดังนั้น ใครก็ตามที่อยากมีห้องใต้ดินเหมือนบ้านของชาวตะวันตก จงพึงสังวรในข้อนี้ให้ดี ๆ นะคะ 

 

ทีนี้เรามาเข้าเรื่องวิชาการกันสักเล็กน้อย จากดวงจีนของเขาจะเห็นว่าได้ 1 ฤดูกาลอยู่แล้ว คือ เบ้า หรือนักษัตรเถาะ และ ซิ้ง หรือนักษัตรมะโรงนั้นอยู่ทางด้านตะวันออก ที่หมายถึง ธาตุไม้   ฤดูใบไม้ผลิ  นอกจากนี้ นักษัตรที่ราศีล่างก็เรียงฤดูกาลกัน นั่นก็คือ  ทิ่ว หรือนักษัตรชวดจัดเป็นฤดูธาตุน้ำหรือ ฤดูหนาว  ซิ้ง หรือนักษัตรมะโรงกับ เบ้า หรือนักษัตรเถาะเป็นฤดูกาลธาตุไม้ ฤดูใบไม้ผลิ  ส่วน จี๋ หรือนักษัตรมะเส็งเป็นฤดูกาลธาตุไฟ ฤดูร้อน  สิ่งที่ขาดคือ ฤดูกาลใบไม้ร่วงทิศตะวันตก ธาตุทอง ก็กลับเป็นอาชีพของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาดำเนินกิจการตลอดมา และด้วยธรรมชาติของดวงที่เป็นเช่นนี้ เมื่อมีคนมาขอซื้อที่ดิน ก็มาซื้อทางตะวันตกไปโดยอัตโนมัติ คือ ทำให้ที่ขาดธาตุไปเหมือนกับดวงชาตาของคุณ ช นั่นเอง

 

แล้วใน 12 ดวงดาว ก็ได้ ทิ่ว หรือนักษัตรฉลู ซึ่งหมายถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหา กับ จื้อ หรือนักษัตรชวดหมายถึงลาภผล ซึ่งทั้ง 2 นักษัตรนี้ก็เป็นพันธมิตรกัน ซึ่งถือว่า ทำให้เป็นคนดวงดีเสียยิ่งกว่ามีเทพคุ้มครองในดวงชาตาเสียอีก  อีกทั้งเท่ากับว่า ทั้งดวงชาตาและอาชีพการงานมีความสมดุลในเรื่องฤดูกาลอยู่แล้ว มิหนำซ้ำ พื้นที่ซึ่งผู้คนมาขอซื้อ ก็คือ ทิศตะวันตก ทิศฤดูใบไม้ร่วงไปเสียอีก แล้วในจับยี่เชียงแซ  ตะวันตก หรือ อิ้ว ที่หมายถึงนักษัตรระกา ก็มีความหมายไม่ค่อยดีสำหรับเขา นั่นเท่ากับว่า คุณ ช ไม่ถูกทำร้ายด้วยทิศตะวันตก ธาตุทอง นั่นเอง เพราะโดยปกติหากจับยี่เชียงแซตัวใดที่มีความหมายไม่ดี แต่กลับกลายเป็นธาตุที่เราขาด ก็เท่ากับว่าเราต้องการเสพธาตุนั้น ธาตุร้ายจึงไม่สามารถทำร้ายเราได้ 

 

ในระหว่างที่ยังไม่ได้ก่อสร้างอาคารหลังใหม่ อาจารย์แอนก็ให้ปรับห้องทำงานของเขาไปก่อน ดังนี้ 

  • ย้ายโต๊ะทำงานไปหลังอิงทิศใต้ ธาตุไฟที่เป็นธาตุลาภของเขา นั่นเท่ากับว่า นั่งใกล้กับประตูที่เปิดเข้ามาในห้อง
     
  • เพราะตำแหน่งเดิมนั้น แม้จะหลังอิงทิศตะวันออก ธาตุไม้ ที่ทำให้การค้าออกดอกออกผล หากแต่ก็เหน็ดเหนื่อยต้องทำเอง เพราะธาตุไม้เป็นธาตุบริวารนั่นเอง แล้วยังส่งผลให้คิดอะไรไม่แล้วเสร็จ คิดวนไปวนมาจนปวดหัว
     
  • ตำแหน่งที่ให้นั่งนี้ จะคุมทั้งตำแหน่งซวยและเจ๊าะ เรียกว่า ตำแหน่งร้ายทำอะไรเขาไม่ได้เลย เนื่องจากเป็นธาตุที่เขาขาด เท่ากับว่า เขากินสิ่งที่เสียนี้ไป
     
  • ประตูที่เปิดเข้าห้องตรงกับตะวันออกเฉียงใต้ หรือ บี่ หรือนักษัตรมะแมที่เป็นหมอ หรือตัวที่แก้ไขดวงชาตาของเขาพอดี
     
  • ให้วางโต๊ะกลมตรงตำแหน่ง สุก หรือนักษัตรจอ  เรียกว่า เปิดประตูเข้ามาจะเห็นโต๊ะกลมนี้ แล้ววางเก้าอี้ไว้สำหรับนั่งคุยกันด้วย
     
  • ตรงฝั่ง เบ้า หรือนักษัตรเถาะ หรือ ทิศตะวันออก ที่อยู่ตรงกันข้ามหรือเยื้อง ๆ กันกับ สุก หรือจอนั้นให้ย้ายตู้เอกสารไปวาง ก็จะได้ เบ้า กับ สุก ที่ภาคีกันเป็นธาตุไฟ ธาตุลาภของเขา นั่นเท่ากับว่า มี 2 แขนที่ภาคีกันได้ธาตุลาภของเจ้าตัวนั่นเอง แล้วตัวนักษัตรเบ้าเองก็เป็นเชียงแซ
     
  • ตรงตู้เอกสารนี้ให้รวบรวมพระพุทธรูป หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ทั่วไปในตอนนี้ มารวมกันไว้ในห้องนี้ โดยอาจารย์แอนให้เหตุผลว่า ไม่ควรเอาธรรมะกับการปฏิบัติมาปะปนกับการทำธุรกิจ เพราะนั่นหมายถึงว่า ไปทางใดทางหนึ่งได้ไม่เต็มที่ทั้งสิ้น ในสถานที่ทำงานก็ควรเป็นโลกให้เต็มที่ หากต้องการปฏิธรรม ก็ควรจัดไว้ในที่เงียบสงบ การที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์ไว้ตรงโน้นตรงนี้แทบจะทุกจุด รวมกับการเปิดเสียงเพลงสวดมนต์ในสถานที่ทำงาน กลับไม่ให้ความรู้สึกของการปฏิบัติธรรม หากแต่เหมือนสถานที่สำหรับคนทรงมากกว่า ดังนั้นการที่ให้แยกธรรมะกับการงานนั้น นอกจากจะเป็นการมุ่งไปสู่จุดใดจุดหนึ่งแล้ว ยังเป็นเสมือนการจัดระเบียบในชีวิตของตนด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากไหว้พระไป จุดธูปไป ทำงานไป การงานจะวุ่นวาย เพราะไม่แยกส่วนกันให้เหมาะสม จะส่งผลให้ปวดหัว คิดอะไรไม่ค่อยจะออก จิตก็เลยพลอยสับสนไปด้วย ไม่มุ่งอยู่กับจุดใดจุดหนึ่ง เขาก็ยอมรับว่า มีอาการปวดหัวจริง ๆ
     
  • ด้วยเหตุนี้ จึงแนะนำว่า ควรนำมารวมกันไว้ที่เดียว ซึ่งห้องทำงานของคุณ ช จะเหมาะสมที่สุด และเมื่อเดินเข้ามาในห้องนี้ เขาก็จะได้ไหว้พระก่อนไปนั่งยังโต๊ะทำงาน
     
  • แล้วให้เปิดเสียงเพลงสวดมนต์เพียงเบา ๆ ในห้องทำงานของเขา ไม่ให้กระจายไปทั่วพื้นที่อย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้ ส่วนคนงานอยากจะเปิดเพลงหมอลำก็แล้วแต่ความพึงใจของคนงาน
     
  • วางโทรทัศน์หรือเครื่องเสียงไว้ฝั่งตรงกันข้ามกับโต๊ะทำงาน ก็คือ ทิศเหนือ การจัดแบบนี้ ก็จะทำให้ด้านหน้าของโต๊ะทำงานมีหมิงถังระหว่างโต๊ะทำงานกับตู้วางโทรทัศน์
     
  • มุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คือ ไห หรือนักษัตรกุนวางแจกันดอกไม้ทรงสูงบนโต๊ะโค้งเข้ามุม เพราะ ไห นั้นประกอบด้วยธาตุน้ำและไม้
     
  • ส่วนมุมตะวันออกเฉียงเหนือ อิ๊ง หรือนักษัตรขาลให้วางแมวกวักที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องวางบนตั่งให้สูงกว่าที่ปัจจุบันวางเอาไว้ ทำแบบนี้ ก็จะได้ ภาคี ไห กับ อิ๊ง ที่เป็นธาตุไม้ ซึ่งหมายถึง บริวารลูกหลานของคุณ ช บริวารของเขาก็จะมีตลอดไม่ขาดหายไป การจัดแบบนี้ก็จะได้ทั้งมุมภาคี และมุมเกื้อกูล 
  •  

ในระหว่างที่ทยอยทุบรื้อถอนตัวอาคาร ต้องจัดตำแหน่งต่าง ๆ อย่างที่บอกไว้ให้ถูกต้อง เพื่อว่าจะได้ไม่มีเรื่องมีราว และช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปด้วยดี ไม่มีอุปสรรค

เป็นยังไงคะ กรณีศึกษาในครั้งนี้ยากเกินไปหรือเปล่า ค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกันไปนะคะ แล้วพบกันใหม่ในทำเลหน้าคะ