- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
1 ธ.ค. 2554
โดย...อาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี( อาจารย์แอน)
เวลามีคนเชิญอาจารย์แอนไปดูทำเลแล้วถามถึงสีภายนอกของตัวอาคาร อาจารย์แอนก็มักจะตอบไปเสมอค่ะว่า อย่าให้โดดเด่นกว่าตัวอาคารที่รายล้อม ควรให้เป็นสีกลางๆ เข้าไว้
ทีนี้ก็มีคนถามถึงเรื่องสีทาภายในอีก
ปัจจุบันนี้ การที่ช่วยให้เกิดสีสันภายในตัวบ้านเรือนได้นั้น จะมีเครื่องตกแต่ง เช่น สีจากผ้าม่าน จากพรมเช็ดเท้า จากเฟอร์นิเจอร์ต่างๆมาผสมผสาน ปัญหาต่างๆ จึงไม่ค่อยมี
แต่ก่อนอื่นที่จะเรียนรู้เรื่องสี เราจะต้องเรียนรู้ว่าสีแต่ละสีหมายถึงธาตุอะไรก่อน และสีนั้นเป็นสีโทนร้อน โทนเย็น หยินหรือหยาง
เอาเรื่องหยินหยางก่อนง่ายๆ
เริ่มที่สีโทนเย็นก่อน การที่เป็นสีโทนเย็นนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นหยิน สีโทนเย็นให้ความเย็นใจ สบายใจ และพักผ่อน นั่นคือ หยินหยางที่สมดุลกัน
แต่ถ้าสีที่ให้ความร้อน จนนอนไม่หลับ จนอยู่บ้านไม่ได้ โทนร้อนอย่างนั้นจัดเป็นสีที่ถือว่า หยางแรง
ส่วนสีที่มืดจนเกินไป แบบที่เรียกว่า เมื่อใดที่เข้าบ้านเป็นต้องง่วงเหงาหาวนอน แถมยามร้อนก็ร้อนจัด ยามเย็นก็เย็นจัด สีสันดูแล้วมืดครึ้มไปหมดเลย อย่างนี้เรียกว่า หยินแรง
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า สีร้อนสีเย็นในทางฮวงจุ้ยไม่ได้หมายความว่า สีเย็นคือหยิน สีร้อนคือหยาง ไม่ได้เป็นแบบสีโทนร้อนโทนเย็นของทางสถาปนิก
ในทางของสถาปนิก สีอบอุ่นก็อยู่แล้วเป็นสุข สีเย็นก็อยู่เย็นเป็นสุขได้ เราจะเถียงกันเสมอ ระหว่างสถาปนิกกับเราจะไม่เข้าใจกัน แต่ตอนนี้คงเข้าใจบ้างแล้วเพราะเราเคยเปิดการบรรยายไปแล้ว
เรามาพูดถึง สีที่สบาย ก็คือสีโทนเย็นในทางฮวงจุ้ย ไม่ได้หมายความถึงสีที่เย็นตาเหมือนกับสถาปนิก
โทนเย็นหมายถึงการผสมกลมกลืนของสีโทนร้อนโทนเย็นของสถาปนิก แล้วทำให้เกิดความสบายตาสบายใจและผู้อยู่อาศัยชอบ เช่น บอกว่าต้องเป็นม่านทึบเพราะว่าสีจะออกโทนน้ำตาลเข้ม สีส้มเข้ม สีแสด เหตุที่ต้องใช้สีทึบในห้องนั้นๆ ก็เพราะแดดแรง เสร็จแล้วภายในห้องก็ใช้ลูกเล่นในการตกแต่งด้วยสีครีมที่ดูแล้วเย็นตา เป็นต้นว่า ใช้เฟอร์นิเจอร์สีครีม จากนั้นสีทาภายในห้องอาจจะไม่ใช้โทนขาว เพราะสีสันจะตัดกันเกินไป อาจจะเลี่ยงไปเป็นสีไข่ไก่ เพื่อให้สอดคล้องกับเฟอร์นิเจอร์ นี่เรียกว่าเหมือนห่อเอาไว้ เหมือนเราอยู่ในมดลูกนะคะ เป็นการห่อด้วยสีเข้มและข้างในจะเย็นสบายตาสบายใจ เป็นคอมแพค(compact)เกิดความกลมกลืนและความสมดุล อย่างนี้ ทางฮวงจุ้ยเรียกว่า โทนเย็น
มีบ้านหลังหนึ่งนะคะ ความที่อยู่กันสองคน เคยฟังอาจารย์พูดเหมือนกับไม่ชอบสีดำยังไงก็ไม่รู้ แต่ตัวเขาน่ะชอบเฟอร์นิเจอร์สีดำ ก็เลยไม่กล้ามาเชิญอาจารย์ไปเพราะกลัวว่าอาจารย์จะให้เปลี่ยนเป็นหลากสี หรือเป็นดอกไม้ตามสไตล์ของอาจารย์แอน แต่ปรากฏว่าเราดูอาชีพ ดูหน้าที่การงาน แล้วไปดูที่บ้านของเขา เขาก็เหมาะกับสีดำ
เพียงแต่ว่าสีดำนี้จะเหมาะกับบ้านแบบทันสมัยนะคะ หรือไม่ก็โบราณไปเลย เป็นบ้านไม้ สีดำมืด ไม้โอ๊ค แต่ไม่ใช่บ้านทั่วไปที่มีเด็กเล็ก ไม่ใช่สำหรับบ้านที่เฟอร์นิเจอร์ลอยที่สามารถเปลี่ยนได้ด้วยเหตุที่มีรอยขีดข่วนแตกหัก เพราะเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากบ้านที่มีรอยขีดข่วนเพราะสัตว์เลี้ยงในบ้าน ก็จะเหมาะกับอีกสไตล์หนึ่ง หรือแม้กระทั่งบ้านของหนุ่มสาวสมัยใหม่ ก็จะเป็นอีกสไตล์หนึ่ง
ดังนั้น การใช้สีนั้นเราจะต้องดูสไตล์ของบ้านเป็นองค์ประกอบด้วย จึงไม่ได้ห้าม เรื่องใช้สีดำ แต่เหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อน สิ้นสุดการงานแล้ว พักผ่อนเตรียมที่จะสร้างสรรค์ อยู่เงียบๆ และต้องใช้สมาธิ เพราะว่าตำแหน่งสีดำมันคืออยู่ในตำแหน่งที่เราเทียบวิชาทางจีนว่าคือ ฤดูหนาว
ด้วยเหตุนี้ สีดำนี้แทนความหมายของ ความคิดล่วงหน้า ผลักให้เราคิดน่ะค่ะ
ทีนี้ สีดำหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้ ไม่ว่าจะเป็นสีออกเทา ดำ หรือน้ำเงินเข้ม จะสอดคล้องกับต้นไม้หรือรูปภาพไม้ดอก คือจะเสริมกัน หมายถึง การคิดอะไรให้ออกดอกออกผล เพราะจะทำให้เกิดความสมดุลกันระหว่างดำกับเขียว เรียกว่า เป็น 2 สีที่ถูกกัน ด้วยเหตุที่เป็นธาตุน้ำและธาตุไม้ที่ส่งเสริมกัน
ส่วนบ้านของคนที่ชอบสีเขียว ก็ออกดอกออกผลอยู่แล้ว จะต้องมีสีที่สดใส เพราะมันเกิดวัฏจักรของคำว่า ชื่อเสียง ดังนั้น บ้านที่ต้องการชื่อเสียงจะต้องจัดให้สดใส ใช้แนวในการตกแต่งอย่างที่เวลาเดินเข้าไปจะเจิดจ้าสว่างตาไปหมดเลย อย่างนี้คือต้องการชื่อเสียง
โชคดีที่ในปัจจุบันนี้นอกจากสีทาผนังแล้วยังมีวอลเปเปอร์ ที่มีทั้งสีพื้น สีครีม ไข่ไก่ ชมพูอ่อนๆ ฟ้าอ่อน ชมพูลายดอก ฯลฯ
ถ้าใช้สีผนังเป็นลวดลาย เช่น ลายกราฟฟิคที่สีสันตัดกัน ก็ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ต้องสีเรียบที่ไม่ทำให้เวียนหัว หรือว่าหนัก แล้วก็ไม่มีจุดเด่น
นอกจากลักษณะของเฟอร์นิเจอร์และสีสันที่บอกไว้ ก็อยากจะเสริมคำว่า อย่าเกิน เข้าไปด้วย
คำว่า อย่าเกิน คือ เรามีเฟอร์นิเจอร์นั่งสบายอยู่แล้ว บ้านสบายดี พอไปเห็นเฟอร์นิเจอร์อีกตัวหนึ่งดีมากก็ไปซื้อมา แล้วก็ไปเห็นอีกตัวก็ไปซื้อมา ไม่รู้จะตั้งไว้ตรงไหน พอตั้งมากๆเข้าก็นั่งไม่สบาย คนในบ้านก็เลยมานั่งพื้นกันใหม่
ขอยกตัวอย่างบ้านหลังหนึ่งที่ลูกศิษย์บอกว่า ถ้าอาจารย์มาไม่ถูกนะ ถามหาบ้านสีชมพูคนรู้จักหมด ก็เคยถามเค้าเหมือนกันว่าสีเหลือหรืออย่างไร ถึงเอามาทาบ้าน เผอิญเขาเป็นลูกศิษย์ก็เลยถามว่า ทำไมอาจารย์ถามอย่างนั้น ก็ตอบไปว่า แหม ก็สีชมพูแปร๊ด shocking pink เลย ชื่อของสีก็บอกอยู่แล้วว่า ช๊อค ทั้งถนนคงช๊อกไปหมด เรียกว่า เลี้ยวโค้งมาเห็นแต่ไกล แล้วยังเป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย เรียกว่ากลัวลูกบ้านหาบ้านไม่เจอ ก็เอาบ้านทาสีชมพูนี่ล่ะ จะได้บอกว่า บ้านหลังสีชมพูแปร๊ดตรงนั้นแหละ คือ บ้านของผู้ใหญ่บ้าน แบบนี้ยังพออนุโลม เพราะว่าบ้านของผู้ใหญ่บ้านหรือ อบต.หรือคนที่ดูแล มักจะต้องรับเรื่องแก้ไขปัญหา สีที่โดดเด่นนี้ จึงมีความหมายว่า โดดเด่น มีอำนาจ รับเรื่อง แก้ไขปัญหา สีที่สดใสนี้จึงสอดคล้องกับเขา จึงไม่เป็นไร
ทีนี้ ถ้าบ้านเราไม่พร้อม เราไม่อยากไปยุ่งกับใครมากเพราะแค่นี้ก็งานมากอยู่แล้ว แต่เราทาสีชมพูแบบนี้ ที่นี้ทุกอย่างก็วิ่งเข้ามาหมด อย่างนี้ถือว่า ทาสีไม่สอดคล้อง จึงไม่สามารถอนุโลมอย่างที่ยกตัวอย่างมานี้ได้
บ้านผู้ใหญ่บ้านหลังนี้ ไม่ได้อยู่คนเดียว จะมีแม่บ้านทำงานอยู่บ้าน ก็พอจะช่วยสามีรับเรื่องได้ ก็จบไปไม่มีปัญหาสำหรับภรรยา แต่เขามีลูกกำลังเรียนหนังสือ ตรงนี้แหละที่ทำให้เขาเชิญอาจารย์ไป เพราะว่า เขาบอกว่า อาจารย์แอนคะ ลูกอารมณ์ร้อน ก้าวร้าว และชอบออกนอกบ้าน ไม่ค่อยอยู่บ้าน
นั่นมีสาเหตุว่า ข้อแรก ร้อนไปสำหรับเด็ก ข้อสองคือ เด็กไม่พร้อมที่จะรับเรื่อง เพราะเด็กยังอยู่ในวัยเรียนหนังสือ
เอาล่ะ ในเมื่อข้างนอกเป็นสีสันสดใส ที่แปลได้อีกอย่างว่า ชื่อเสียง
สีชมพูที่เป็นสีของธาตุไฟ ตามหลักของธาตุแล้ว ธาตุไฟจะมาเสริมธาตุดินแล้วยังถือว่าเป็นการระบายธาตุไฟด้วย ก็ให้ปลูกต้นโป๊ยเซียนก่อน และเอาความหมายของชื่อ เช่น พันธุ์มณีจักรพรรดิ์ เป็นต้น แล้วต้นโป๊ยเซียนนี้ปกติจะมี 2 สี คือ สีเหลืองกับสีแดง
สองสีนี้ซึ่งจะทำให้บ้านมีหลากสี ชมพู แดง เหลือง และมีใบไม้สีเขียวปลูกรอบๆ บ้านหรือทำสวนเฉพาะมุม มีชิงช้านั่ง ตัวบ้านกับสวน แปลว่าชื่อเสียง
พอเข้าไปในบ้านเขาก็ทาผนังสีชมพู ซึ่งผนังนี้ต้องให้ทาใหม่ ก็มีสองอย่างให้เจ้าของบ้านเลือก คือติดวอลเปเปอร์หรือทาสีใหม่ เขาเลือกทาสี ก็ให้ทาเป็นสีไข่ไก่ทั้งหมด
เมื่อปรับสีแบบนี้ ก็จะได้ว่า สีสันสดใสข้างนอก คือ ชื่อเสียง คือ เรียกคนมา แต่ข้างในเย็น ออกเป็นสีกลางเป็นสีของธาตุดิน
ส่วนห้องลูกที่เราตรวจดูแล้ว เขาอยู่ในวัยเริ่มต้นของการศึกษา ห้องจะมีอยู่ 3 สี คือ สีขาวขุ่น สีไข่ไก่ สีฟ้า นี่คือหมายความว่าเป็นการเริ่มต้น และก็มีต้นไม้มีสีเย็นตา พร้อมทั้งมีทุกอย่างที่เด็กต้องการ
อาจารย์ไปจัดให้ถึงสามครั้ง ครั้งที่สองที่อาจารย์แอนกลับไป เด็กเริ่มเรียนดีขึ้น สนใจที่จะกลับมาบ้าน เพราะมีห้องส่วนตัว มีสิ่งที่ตัวเองชอบ
ครั้งที่ 2 ที่ไปนี้เด็กเติบโตขึ้น พ่อแม่จะขยายห้องให้ คือการขยายอาณาเขต
การที่เด็กอยู่ เด็กใช้ เมื่อเขาโต ก็ต้องขยายอาณาเขตให้ เราก็ไปทำให้โดยใช้หลักเดิม ตัวลูกบอกอยากติดวอลเปเปอร์ พ่อแม่ถามว่า ควรติดอะไรดี อาจารย์แอนก็ยังยึดหลักเดิมค่ะ คือความเป็นกลาง ใช้สีไข่ไก่ลายดอก แล้วให้เด็กเลือกมา
เด็กเลือกลายกราฟฟิก ที่ฉวัดเฉวียน เวียนหัว เราก็พยายามจะบอกเด็กว่า ลายนี้เอาเป็นมุมเล็กๆได้มั้ย แต่ห้องส่วนใหญ่ให้เกิดความเป็นกลางมากที่สุด ตรงที่เป็นมุมส่วนตัวของเค้า ก็ติดลายกราฟฟิก สีสันตัดกัน ตามแบบที่เขาชอบ
โชคดีที่เด็กเชื่ออาจารย์แอน เด็กคนนี้ต่อมาเลือกเรียนในด้านวาดภาพศิลปะ สถาปัตย์ มัณฑนศิลป์
พอไปครั้งที่สาม อาณาจักรเด็กขยายขึ้นนะคะ คือ เด็กชอบดนตรี มีเพื่อนที่ชอบดนตรี เหมือนกัน
พ่อก็เลยบอกอาจารย์ว่า ผมจะปลูกศาลาด้านข้างไว้รับแขกทั้งหลายที่มาแก้ปัญหา แล้วตัวบ้านยังเป็นสีชมพูอยู่ ส่วนในบ้านก็ขยายที่ให้ลูกไป
กลายเป็นว่าอันนี้เด็กกำลังเติบโตอยู่ในบ้านขยายอาณาเขต มีความเจริญ แต่ชื่อเสียงยังคงอยู่ มีเรือนที่จะรับแขกอยู่ด้านนอกเป็นสัดเป็นส่วน นี่แสดงให้เห็นว่า ลูกก็อยู่บ้านได้ แถมอาณาจักรเด็กก็ขยายในทางฮวงจุ้ย ได้เลือกเรียนที่ถูกต้องที่ตัวเองต้องการ ส่วนพ่อแม่ก็ยังมีชื่อเสียง รับปัญหา แก้ไขปัญหากับทุกคนได้เหมือน และลูกคนนี้ก็ยังได้คะแนนนำของจังหวัดได้ชื่อเสียงด้วย
การที่เด็กมีอารมณ์รุนแรงอย่างที่พ่อแม่บอก แล้วไปอยู่ในทำเลที่ส่งให้เป็นแบบนั้นก็จะทำให้ก้าวร้าว แต่พอปรับทำเลให้เหมาะสม อารมณ์ตรงนั้นเปลี่ยนเป็นอารมณ์ศิลปะ ใช้ได้เต็มที่และถูกต้องและได้ชื่อเสียงตามมา
กรณีนี้แก้ด้วยเรื่องสีอย่างเดียว ดังนั้น เราจะบอกว่าสีไม่สำคัญก็ไม่ได้
แต่ก็อีกนั่นล่ะ บางแห่งสีก็ไม่สำคัญเลย เช่น ท่านหนึ่งประกอบอาชีพรถบรรทุก เป็นโรงงานชั้นเดียวทั้งหมด อันนี้เราไม่จำเป็นต้องทาสีเขียวสีแดงก็ได้ เพราะเราต้องดูจุดเด่นของสินค้าว่าเป็นอะไร คุณจะเอาสีไปข่มรถบรรทุกไม่ได้
ทีนี้ก็ความที่วิชาแก่กล้า เพราะเคยมาเรียนจากอาจารย์แอน ก็เลยคิดว่า สีทองเป็นสีเกี่ยวกับแร่ธาตุทองคำ ธาตุทองเป็นธาตุที่หนักแน่น จะทำให้ได้ทรัพย์สินเงินทอง เขาก็ทาสีไปเหลืองอ๋อยสีทองหลัง ทุกอย่างทองหมดเลย ปรากฏว่า การที่ธาตุทองมากเกินไปมันทำให้แตกนะคะ พี่น้องก็เลยแตกกัน
อาจารย์แอนก็เลยได้รับเชิญไปดูทำเลค่ะ
ก็ไปปรับ บอกไปว่า ทำแบบนี้ไม่ได้ มันมากเกินไป คือถ้าเราประกอบกิจการอะไรที่มันเป็นตัวสินค้าจริงๆ ต้องเอาสินค้าอันนั้นเด่นที่สุดในที่นั้น
และก็ความหมายของคำว่าชื่อเสียง คือ ต้องเอาตัวนี้ขึ้นมาเป็นหลัก ดังนั้น สีจะไม่เกี่ยว ที่นี่จะเกี่ยวกับการวางทำเล ดังนั้น พอบอกว่าสีสำคัญทุกคนก็ต้องดูก่อนว่า สถานที่ใดเหมาะสมที่จะแก้ไขด้วยสี หรือ แก้ไขด้วยทำเล