- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
18 มี.ค. 2556
โดย...ษณอนงค์ คำแสนหวี(อาจารย์แอน)
บนผืนแผ่นดินโลกของเรานี้ มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ถ้าจะพูดไปแล้ว สิ่งที่เราสังเกตได้ง่ายที่สุด คือ จากแสงอาทิตย์ ที่ใดเป็นที่ได้รับแสงอาทิตย์มาก ที่นั้นก็จะร้อนมากหน่อย ก่อกำเนิดพลังงาน มีพืชพรรณไม้ มีสายลมพัดผ่าน และหากที่ใดขาดแสงแดด ที่นั้นก็จะเยือกเย็น
พืชที่โดนแดดกับพืชที่อยู่ในร่มก็ยังเป็นที่ยอมรับว่าแตกต่างกัน
พลังงานที่อยู่ใต้พื้นผิวโลกก็ย่อมมีความแตกต่างเช่นเดียวกัน
จากสภาพแวดล้อมบนพื้นโลก ซึ่งสัมพันธ์กับสภาพใต้พื้นผิวโลก ทำให้เกิดความแตกต่างของพื้นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน พลังก่อกำเนิด
คำว่า “ที่ที่มีพลังก่อกำเนิด” จะหมายถึง บริเวณที่มีสภาพแวดล้อมอำนวยให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ทั้งพืชพรรณธัญญาหาร แสงแดด ลม น้ำ ฝน ที่ตกต้องตามฤดูกาล สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ก่อกำเนิดอยู่ภายใต้ที่ที่มีพลังแห่งความสมบูรณ์ทั้งภายในและภายนอก หมายถึง สภาพที่แข็งแกร่ง สวยงาม ฟอร์มดีของต้นไม้ สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ อันได้แก่ สัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ได้แก่ มด แมลง หรือแม้แต่ นก หนู กา หมู หมา ก็จะแสดงถึงความสมบูรณ์ให้เราเห็นได้ หรือแม้แต่ตัวเราเอง หากอยู่ในที่สมบูรณ์ ก็จะมีสุขภาพดี ทั้งกายและใจ อันจะนำไปสู่ความคิดที่สมบูรณ์ และมีพลังในการที่จะเผชิญปัญหาต่อไป ด้วยสติซึ่งมาจากความสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมดังกล่าว
ในแต่ละแห่งอาจมีความพร้อม หรือความสมบูรณ์ของพื้นที่ไม่เท่ากัน อันเป็นผลให้คน สัตว์ สิ่งมีชีวิตต่างๆ นั้น มีความแตกต่างซึ่งกันและกัน เช่น บางแห่งให้ความสมบูรณ์และสมดุลของธรรมชาติ ทำให้คน ๆ นั้นมีจิตใจที่อ่อนโยน มองคนในแง่ดี และอีกบางแห่ง มีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ ในด้านความพร้อมที่จะออกมาเผชิญชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ
ศาสนาหรือปรัชญาในการดำเนินชีวิต จะเป็นเครื่องกำหนดพฤติกรรมว่าจะออกมาในทางสร้างสรรค์ หรือเป็นการทำลาย เป็นการสร้างสมทางด้านจิตใจ ชีวิตและวิญญาณ
เพราะฉะนั้น จึงต้องแยกออกมาเป็นสองนัย คือ สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะ ให้สมบูรณ์สำหรับตัวเราและครอบครัว เป็นเรื่องของทำเล จากนั้น ต้องใส่ความคิด ต้องอบรมจิตใจให้สมบูรณ์ อันเป็นศิลปะของการดำเนินชีวิตที่งดงาม คือมีทั้งศาสตร์และศิลป์นั่นเอง
ทีนี้ หลักของ ฟ้าประทาน ดินบันดาล ประสานบุคคล ก็จะเข้าเป็นส่วนประกอบในการจัดสรร ทั้งทำเลที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับดวงชาตาของเรา รวมทั้งมีจังหวะในการดำเนินชีวิตที่ไม่ประมาท และการประสานบุคคลทั้งด้านการปฏิบัติ และประสิทธิภาพในการทำงาน คือ ต้องเกิดจากความสามารถของตนด้วย จะพึ่งอภินิหารไม่ได้
เปรียบเสมือนบุคคลคนๆ หนึ่ง จะทำร้านอาหาร ไม่เคยดูดวง แต่พบว่าตั้งแต่เกิด เรามีความสามารถ รวมทั้งเราได้คลุกคลีกับร้านอาหารมาโดยตลอด เรามีความชำนาญ เรามีความรู้อันลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องอาหารโดยเฉพาะ อย่างนี้ไม่ต้องดูดวงแล้ว เราต้องมีดวงมาแน่นอนถึงได้ผูกพันขนาดนี้
ขั้นต่อไป สังเกตตัวเองถึงปีที่เราประสพผลสำเร็จ ขายดี ช่วงไหนขายไม่ดี เพราะอะไร แล้วจัดทำเลให้สอดคล้องกับชาตา หรือ จัดสถานที่ให้สอดคล้องกับสถานที่ที่เราเคยประสพผลสำเร็จมา เราต้องมีความสามารถพิเศษ ในวิชาชีพของเรามีอะไรที่โดดเด่นกว่าคนอื่น ทำเลของเราถึงจะมีประสิทธิภาพโดยสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากจะดึงดูดลูกค้าแล้ว ประสานบุคคลจะทำให้ลูกค้าติดใจมาอีก และในที่สุด ปากต่อปากจะทำให้ร้านอาหารของเรามีชื่อเสียงไปเอง
ถ้าหากพอมีดวง ทำเลก็ดี มีคนเข้า แต่ด้วยกรรม ทำให้เราบริการไม่ถึง ไม่ใช้อิทธิบาท ๔ ในการจัดการร้านให้ดี คนที่มาเพราะทำเลดี ก็ไม่ติดใจ ในที่สุดก็ค่อย ๆ เสื่อมลง
ทำเลดี คือ สภาพแวดล้อมที่ดี ทั้งวัตถุและบุคคล ซึ่งเกิดจากพลังแวดล้อมที่กล่าวมาข้างต้น แล้วเราเลือกที่ที่มีพลัง และตรงกับดวงชาตา ประกอบกับความมีคุณธรรมของคนในอันที่จะสร้างมิตร สร้างเครดิต คนดีจะมีพลังดึงดูดในสิ่งที่ดี อันนี้ คือ มีศาสนาประจำใจ แถมเป็นคนมีพลังในตัวเอง สามารถดำเนินงานและจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่พลังสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมดึงเข้ามาหาเรา บวกกับพลังของจิตใจที่ดีงามดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้าหาตัว
อย่างนี้เขาเรียกว่า “มังกรก่อกำเนิด” ทำอะไรก็สำเร็จหมด
ทีนี้ ถ้าเราให้ซินแสมาดูทำเล สร้างพลังให้กับพื้นที่ จัดสภาพแวดล้อมที่ดี สมบูรณ์มาก เผอิญไม่สอดคล้องกับดวงชาตาของเรา ก็เปรียบเสมือนโยนลูกบอลมาหาเรา แต่เราหันหลังให้ คือรับโชคอันนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ของเรา
พื้นที่หรือทำเลที่ดี จึงต้องสอดคล้องกับเจ้าชาตาด้วย
เมื่อพื้นที่สอดคล้องกับชาตาดีแล้ว ก็จะมีแรงดึงดูดจากพลังที่สมบูรณ์ของพื้นที่ และชาตาของเจ้าของ แต่ถ้าเราเป็นคนขาดศีลธรรม ข้อใดข้อหนึ่ง ความสำเร็จของเราก็ไม่สมบูรณ์ พลังดึงดูดของเราไม่สอดคล้องกับพื้นที่ เช่น ถ้าเราเป็นคนฆ่าสัตว์ เป็นคนรังแกคนที่ต่ำกว่าตน เมื่อทำเลดึงคนมาให้ ดึงเงินมาให้ ดึงความอุดมสมบูรณ์มาให้ ตัวเรากลับดึงดูดสิ่งร้ายๆ เข้ามาหา เพราะพลังที่อยู่ในใจเราซึ่งเป็นหัวใจของกิจการนั้นๆ เป็นพลังร้าย พอเราได้เงิน ก็ต้องมีเรื่องถูกโกง คนที่เราคบหาสมาคมก็จะสอดคล้องกับพลังร้ายในตัวเรา เราเคยคิดร้าย เคยทำร้ายสัตว์ พลังร้ายที่เราเรียกว่า พลังของกฎแห่งกรรม ก็จะเข้ามาทำร้ายเราเหมือนกัน
ถ้าเราผิดศีลข้อสอง ทำให้ทรัพย์สินคนอื่นเสียหายด้วยวิธีต่างๆ เช่น โกง หลอกลวงเขา เป็นต้น เราก็ต้องมีภัยจากสิ่งเหล่านี้ คนที่เข้ามาหาเราจะได้รับพลังดึงดูดตามพื้นที่ที่ทำไว้ดีแล้ว บวกพลังร้ายในตัวเรา สิ่งที่เราได้มาจึงต้องเป็นสิ่งร้ายๆ เพราะพลังมันมาเร็วมาก เนื่องจากทำเลมีอำนาจ
ในทำนองเดียวกัน ถ้าผิดศีลข้อสาม เราก็จะมีเรื่องปวดหัว เรื่องคลาดเคลื่อน การผลัดวัน การทรยศหักหลังจากหุ้นส่วน ยิ่งทำเลดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งดึงดูดมาหาเราเร็วเท่านั้น เพราะพลังร้ายในตัวเรามีส่วนในการดึงดูดนี้ด้วย
ถ้าเราสาหัสสากรรจ์ในการผิดศีลข้อสี่ เราก็จะเป็นบุคคลที่มักต้องมีเหตุให้เสียเครดิต มีปัญหาเรื่องลูกน้องบริวารไม่มีที่สิ้นสุด และมักถูกหลอกลวง ยิ่งทำทำเลไปแล้วยิ่งปรากฏชัดถึงบาปกรรมของเรา
เรามักดื่มเหล้าเป็นอาจิณ พอจัดทำเลเสร็จ มักถูกภาพลวงตามาหลอกล่อ อันเป็นเหตุให้เสียเงินทอง หาคนจริงใจยาก และมักประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเพราะความขาดสติ หรือเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเสียทรัพย์ เพราะความเผอเรอขาดสติ ยิ่งทำทำเลสมบูรณ์เท่าไหร่ อาการขาดสติและผลเสียหายจะต้องเกิดเพราะการขาดสติมากขึ้น
นี่เพียงคุณธรรมของศีล ๕ เท่านั้น ถ้ามีบาปกรรมจากกาย วาจา ใจ เราก็จะดึงดูดสิ่งเหล่านี้เข้าหาตัวเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเป็นมังกรร้าย ไปอยู่ในที่สมบูรณ์มีพลัง ตัวมังกรหรือตัวหัวมังกร ก็จะได้พบ ได้ประสบกับสิ่งร้ายๆ เป็นไปตามนิสัยของเรา
ถ้าคุณเป็นมังกรดี ไปอยู่ในที่สมบูรณ์มีพลัง เท่ากับเป็นมังกรที่สมบูรณ์ เพราะจะดึงดูดสิ่งที่ดีมาหาตัวเป็นทวีคูณ
จึงอยากจะบอกว่า ในการจัดทำเลนั้น ทุกคนได้ไม่เท่ากัน นอกจากจะเกี่ยวพันเรื่องวาสนา ดวงชาตาแล้ว ยังเกี่ยวพันกับสภาพจิตใจของเราในขณะนั้นด้วย
ผลของการจัดทำเลในแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน
มีคำกล่าวว่า ผู้มีวาสนาจะได้ทำเลที่สมบูรณ์ ต้องกล่าวใหม่ว่า ผู้ที่ทรงคุณธรรมความดี จึงจะมีทำเลที่สมบูรณ์
นอกจากเรื่องคุณธรรมส่วนตัวแล้ว การประสานบุคคล ได้แก่ การจัดการนั้น ตัวเราตัองมีอำนาจ จากทำเลที่นั่ง ที่นอน ที่อยู่ ที่กิน เป็นประจำ และจะต้องมีสติปัญญา คือ มีพรสวรรค์ของความขยัน ของไหวพริบปฏิภาณ มีศิลป์ในการจัดการด้วย หากไม่มีหัวทางนี้เลยและยังไม่ขยันขันแข็ง ต่อให้ทำเลดี เป็นคนดีที่ประเสริฐ แต่ขาดพรสวรรค์ในการจัดการ ก็เปล่าประโยชน์เช่นกัน
ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดข้างต้น เป็นความสมเหตุสมผลของศาสตร์ว่าด้วยภูมิพยากรณ์ไม่ว่าสายไหน สำนักใด ล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานมาจากสิ่งเดียวกัน เพียงแต่วิธีการที่เกี่ยวกับทำเลอาจแตกต่างกัน
สายทิเบตเราจะเน้นความกลมกลืน ความเป็นธรรมชาติ เอาธรรมชาติเป็นบรรทัดฐานในการตัดสิน มีศาสนาพุทธเป็นสิ่งที่วัดพลังของความดี ผู้ศึกษาสายทิเบตจะต้องเกิดความเข้าใจในเรื่องของธรรมชาติ มีใจที่จะศึกษาธรรม ให้เกิดความเข้าใจในแนวทางที่ประเสริฐของชีวิต นิกายหมวกดำเป็นการแยกระหว่างศิษย์ฆราวาสและความเป็นนักบวช เพราะฉะนั้นกฎเกณฑ์ข้อบังคับจะแตกต่างกัน แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ต่างกันที่วิถีทางเดินเท่านั้น
สำนักทิเบตจะมีเอกลักษณ์เหมือนกันหมด เมื่อเห็นกันก็จะทราบทันทีว่า ได้รับการอบรมมาจากสำนักเดียวกัน คือการกระทำตนให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ความเป็นไปของธรรมชาติ ไม่แสวงหาชื่อเสียง และดำรงตนอยู่ในเหตุและผล มีสติในการกระทำทุกเมื่อ จะใช้หลักวิชาใด ให้อิงธรรมชาติและเหตุผล มีที่มาที่ไป