โดย อาจารย์แอน (ษณอนงค์ คำแสนหวี)

ภาษาจีนมีคำๆหนึ่ง คือ เหยียนเหนียน ซึ่งหมายถึง ความรัก ครอบครัว ความปรองดอง  การอยู่ร่วมกันของทุกคน แล้วเขาให้ ครัว เป็น ตัวแทน ของคำๆนี้ 

สมัยก่อน ชาวจีนจะมีเวลาสั่งสอนลูกก็ตอนทานอาหาร  หรือถ้ามีบริวารเยอะ  เถ้าแก่หรือเจ้าของกิจการจะกินข้าวกับบริวาร  เหมือนกับว่า ครัวจะเป็นสัญลักษณ์หรือตัวแทนของการมีบริวารดี  มีบุตรดี และมีครอบครัวที่ดี  รวมไปถึง ความสามารถที่จะตั้งกิจการได้

คนโบราณก็เลยให้ความสำคัญกับครัว เพราะถ้าอาหารอร่อย ทุกคนก็จะมีจิตที่รื่นรมย์  มีความสุขในการกินอาหาร  แล้วก็มีเวลาที่จะฟังอะไรดีๆ หรือประสบการณ์ดีๆ จากผู้ใหญ่ อันนี้คือที่มาซึ่งเป็นหลักของขงจื้อก็ว่าได้ ในการที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ในเมื่อเตามีความสำคัญ เขาก็ถือว่าต้องมีเทวดาประจำเตา   เมื่อมีเทวดาประจำเตา ก็เป็นที่มาของประเพณีบูชาเทพเจ้าเตา

เทพเจ้าเตานี้จะถือว่าอยู่ใกล้มนุษย์ที่สุด  มีหน้าที่คอยสอดส่องความดีความชั่วของมนุษย์ จากนั้นก็ขึ้นไปรายงานบนสวรรค์  ดังนั้น พอใกล้ๆวันที่เป็นสารท เทพเจ้าเตาก็จะเสด็จขึ้นสวรรค์ไปรายงาน  เขาก็จะทำขนมเข่งไหว้เจ้า เพื่อเวลาเทพเจ้าเตาพูดแล้วจะเหนียว รายงานไม่สะดวก  ด้วยคติง่ายๆ แต่ว่ามีอารมณ์ขันแบบนี้  แสดงถึงความสนิทของมนุษย์กับเทพเจ้าเตา  มีความหมายแฝงว่าทุกที่ต้องมีเตา  จะเห็นได้ว่า ความสำคัญของเตาไฟนั้น มีที่มาที่ไปโดยลำดับ เป็นเรื่องของเอาเทพมาเกี่ยวข้อง ดังนั้น ทุกที่ต้องมีเตาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของครอบครัว

แล้วถ้าบางบ้านไม่นิยมทำกับข้าวที่บ้าน  ไม่นิยมมีครัว ชอบออกไปทานอาหารข้างนอกหรือสั่งอาหารมาทาน  แม้ว่าอยากจะเข้าข้างว่า ชีวิตสมัยใหม่ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้แล้ว แต่ทุกวันนี้เรามีปัญหากับบริวารไหม  เรามีปัญหากับครอบครัวไหม  เรามีปัญหากับลูก หรือว่ามีเวลาอยู่ร่วมกันหรือเปล่า 

 อย่างถ้ามีคนมาถามอาจารย์แอนว่า แล้วเตาไมโครเวฟถือว่าเป็นเตาหรือเปล่า เราก็ต้องดูว่าทำเป็นกิจวัตรประจำวัน  คือ เช้ามาก็อุ่นอาหาร นั่งทานข้าว กินด้วยกัน หรือแค่อาจจะมีเวลาต้มน้ำร้อนชงกาแฟก็ยังได้ หรือบางคนถือว่า ฉันต้องทำงานเก้าโมง  แต่เธอไปทำงานหกโมงอาจจะไม่ได้เจอกัน  แต่ว่าเย็นย่ำค่ำก็ต้องมีเวลาอยู่ด้วยกัน

เคยไปโรงสีข้าวสารแห่งหนึ่งที่อยู่แบบโบราณจริงๆ  เถ้าแก่จะกินข้าวกับคนงานที่แบกข้าวสาร ที่นี่คนงานอยู่กับเขาจนลูกๆโต เรียกว่า อยู่กันสิบกว่าปีขึ้นไปทั้งนั้น  รู้จักกันหมดเลย ด้วยเหตุที่เขาไม่แยกตัวออกจากคนงาน  ลูกชายเถ้าแก่ก็มากินด้วย ส่วนลูกสาวก็ไปช่วยแม่ทำกับข้าวให้คนงาน ผลคือครอบครัวนี้เจริญ 

แต่ที่ได้มีโอกาสไปสัมผัส ไปดูทำเลก็เนื่องจากเขาเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของบริวาร

ด้วยเหตุที่มีความรู้ในเรื่องนี้ พอไปถึง อย่างแรกที่ถามก็คือ เรื่องเตานี่ล่ะ

เขาก็บอกว่าที่โรงสีทานข้าวด้วยกัน 3 มื้อ เขามีเตาขนาดใหญ่ มีทั้งเตานอก เตาใน เป็นครัวที่ใช้งาน  คือเขาให้ความสำคัญกับการกิน

ทีนี้คนท้องอิ่ม ก็ส่งผลให้การทำงานดี เป็นการเลี้ยงดูอย่างเต็มที่ ไม่มีคำว่าอดอยาก ชาวจีนถือสาเรื่องการอดอยากมากที่สุด เพราะหากอดอยาก จะถือว่าเป็นช่วงบ้านเมืองไม่สงบสุขและมีการเร่ร่อนหาอาหาร  ทีนี้ พออุดมสมบูรณ์แล้วเขาก็อยู่กับที่ ไม่เร่ร่อนไปไหน

แต่เราก็ยังคงต้องไปดูเตา  เพราะว่าสุขภาพจะเกี่ยวกับเตาด้วย  แล้วเตายังรวมถึงการปรองดองในที่นั้นด้วย  ถ้าสมมติว่าสุขภาพไม่ดีและต่อมาคนในนั้นทะเลาะกันอีกแสดงว่าเตามีปัญหาแล้ว 

เราจะมีปัญหาในเรื่องเตาได้อย่างไร ก็คือ 

1. ตั้งเตาผิดทิศ ถ้าตั้งผิดทิศผลจะให้ผลเร็ว เรื่องต่างๆ จะเกิดได้เร็วมาก  ภายใน  1  ปีทุกอย่างจะเกิดครบหมด นั่นคือตั้งผิดทิศ เช่น  ไปตั้งอยู่ในตำแหน่งที่พลังน้อยที่สุด  เมื่อพลังน้อยที่สุดก็เหมือนกับไฟไม่ขึ้น  กับข้าวมีปัญหา  กินไม่อร่อย  กินแล้วไปทะเลาะกัน  กินแล้วไม่อิ่ม ท้องอืด  อาหารไม่ย่อย อะไรทำนองนี้

 2. เตาจะต้อง ตั้งให้ตรงกับทิศเหยียนเหนียนของผู้หญิงเพราะถือว่าผู้หญิงครองเตา  ถึงแม้ว่าที่บ้านนั้นผู้ชายจะทำกับข้าว ผู้หญิงก็ครองเตาอยู่ดี  เพราะฉะนั้นเราจะเอาทิศเหยียนเหนียนของผู้หญิง เพราะว่าผู้หญิงเป็นหลักอยู่ในครอบครัว ในบ้าน ถ้าผู้หญิงดี  ผู้หญิงรักครอบครัว  ผู้ชายก็จะเป็นครอบครัวด้วย คือ เขาเป็นครัวเราเป็นครอบพูดง่ายๆ ซึ่งทิศเหยียนเหนียนสามารถดูในปฏิทินจักรจรนพเคราะห์ก็มี เช็คดูเดือนเกิดว่าเกิดปีอะไรและทิศเหยียนเหนียนตรงกับทิศอะไร

สำหรับทำเลแห่งนี้ หลังจากที่ดูทิศแล้ว ปรากฏว่าบ้านหลังนี้เขาตั้งเตาถูกทิศ  วันนั้น เราก็ทานข้าวกับเขาด้วย  พบว่าอาหารอร่อยมากเพราะว่าทิศที่เขาตั้งเตาตั้งอยู่ถูกที่ คือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่ถือว่าเป็นทิศที่อาหารจะรสกลมกล่อมอร่อยมาก เพียงแต่ว่าสำหรับบ้านหลังอิงทิศเหนือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นตำแหน่งล้มละลายของพื้นที่ 

ครัวเขาเป็นครัวใหญ่จะอยู่ด้านหน้าเป็นเตา  มองเข้าไปซ้ายหน้าเป็นตำแหน่งล้มละลาย  และเป็นตำแหน่งพวกคนงานก็จะมานั่งกินตรงนั้นเลยทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย แม้ว่าอาหารอร่อยมาก  เพราะว่าตั้งถูกทิศอาหารอร่อยก็ตาม 

อันนี้ ขอบอกถึงเรื่องรสชาติของอาหารในแต่ละทิศก่อน

• ทิศเหนือคือ รสเค็ม
• ตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรสเปรี้ยว 
• ทิศใต้ รสขมหมายถึงอาหารเผา
• ทิศตะวันตก รสเผ็ด  อย่างบางบ้าน ตำแหน่งห้องครัวค่อนไปทางด้านทิศเหนือ อาหารก็ดูเหมือนจะทำน้ำปลาตกลงไปในหม้อ มันเค็มเหลือเกิน  และพอย้ายครัวไปตะวันตกเฉียงเหนืออาหารก็เผ็ด  คือ เป็นอะไรที่ดึงมา  ซึ่งอันนี้ร้านอาหารสามารถนำหลักไปใช้ได้

ข้อต่อมา  ความที่เขาไม่ต้องการให้มีควันอบ เขาก็ตั้งไว้ริมๆชายคานิดหนึ่งเพื่อไม่ให้ควันย้อนเข้าบ้าน แต่กลับทำให้เวลาฝนตก เตาจะโดนละอองฝน  โอเคแม้อยู่ยืนยาวนาน แต่อาจจะทะเลาะกัน คุยกันล้งเล้งโขมงโฉงเฉง ข้าวของแตกหักเสียหาย จนกระทั่งหมายถึงการปะทะกัน การมีคู่แข่งขันในทางธุรกิจ เพราะเหมือน น้ำกับไฟปะทะกัน 

ข้อต่อมาที่เห็นในบ้านหลังนี้ คือ  หัวเตาตรงที่ปิด-เปิด จะไปตรงกับก๊อกน้ำ  บางที ถ้าเตาตั้งประจันหน้ากับก๊อกน้ำแต่หัวเตาที่ปิดเปิดกับตัวก๊อกไม่ได้ประจันกันไม่เป็นไร แต่ในกรณีนี้ ก๊อกน้ำตรงกับที่ปิด-เปิดเลยจึงถือว่าธาตุปะทะกัน แบบนี้ต้องย้าย 

ปัญหาเรื่องสุขภาพสำหรับกรณีนี้แก้ที่ครัวอย่างเดียวเลย 

ข้อต่อมา  ถ้าสมมติว่าครัวทุกบ้านที่เป็นห้อง  เวลาเปิดประตูมา ประตูตรงกับเตา อันนี้ไม่ดี  ก็จะเกิดเหตุซึ่งแล้วแต่บ้านไหนมีจุดอ่อนตรงอะไรก็เกิดตรงนั้น

เคยมีคนบอกว่า ถ้าเวลาทำอาหาร เตาหันไปทางหน้าหรือหันไปทางหลังบ้าน แบบนั้นไม่มีผลอะไร ที่สำคัญ ขอให้หันหน้าเข้าหาทิศเหยียนเหนียน เป็นหลัก

แล้วถ้าเกิดว่าเตาไปอยู่ใต้ห้องนอน แต่ไม่ตรงเตียงไม่เป็นไร แต่ถ้าตรงเตียง ชีวิตสมรสมีปัญหาเหมือนกับว่านอนอยู่บนเปลวไฟมันร้อนตลอด 

หรือว่าเตาตรงกับห้องน้ำและน้ำก็เกิดรั่วลงมาที่เตา อันนี้สุขภาพมีปัญหาก่อนเลย  มันก็เหมือนกับน้ำในห้องน้ำหยดลงอาหารของเรา 

ที่อธิบายมาทั้งหมดนี้ ร้านอาหารก็สามารถนำทิศของเตาไปปรับใช้ได้  หรือว่าครัวที่บ้านก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เช่นกันค่ะ