ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

 

โหราศาสตร์แนะแนว ตอนที่ ๓๔ - ภพกัมมะ
22 มิ.ย. 2560

 

ดาวพระเคราะห์ที่อยู่ในภพที่ ๑๐ เราเรียกว่า “ดาวกลางฟ้า” มีอิทธิพลกับนิสัยใจคอ อารมณ์ ความรู้สึก มีความหมายตามดาวนพเคราะห์แต่ละดวงดังนี้

 

ดาว ๑  มีเพื่อนมาก นิสัยเจ้ายศ มักยกตนข่มท่าน หรือไม่ชอบให้ใครมาข่ม แต่มีความมุ่งมั่น มักประสบความสำเร็จ และมียศ ได้รับการยกย่อง เป็นผู้นำ

 

ดาว ๒ ที่อยู่ภพกัมมะ เป็นคนที่มักมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ชอบของสวยของงาม มักอยู่ติดน้ำ

 

ดาว ๓  เจ้าโทสะ โมโหร้าย แต่ก็ขยัน จะเอาอะไรก็ต้องเอาให้ได้ มักมีอุบัติเหตุและทำอะไรผิดพลาดเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์เสมอ

 

ดาว ๔  ชอบหาความรู้ สติปัญญาดี จิตใจอ่อนโยน

 

ดาว ๕  เป็นที่เชื่อถือจากผู้หลักผู้ใหญ่ เที่ยงธรรม

 

ดาว ๖  ชอบเล่น มีอารมณ์ขัน ชอบแต่งตัว เป็นคนแต่งกายดี มีรสนิยมเจ้าชู้ ฟุ่มเฟือย

 

ดาว ๗  คิดมาก มักมีอุปสรรคเพราะเรื่องมาก ขี้น้อยใจและหวาดระแวง

 

โดยปกติ ดาว ๑ หากอยู่ร่วมกับดาว ๓ มักถือเป็นดาวคู่อุบัติเหตุ แต่ถ้าอยู่ภพที่ ๑๐ จากดาว ๒ จะมีความหมายไปในเชิงเจ้าชู้ด้วย

 

๑ ร่วม ๔ ในภพที่ ๑๐ จากดาว ๒ มีความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ จะเรียนโหราศาสตร์ได้ดี นอกเหนือจากการเก่งคำนวน

 

๑ ร่วม ๕ เป็นดาวศรีชาติแก่กัน ชีวิตมีแต่ความเจริญ

 

๑ ร่วม ๖ คู่ครองมีฐานะดี

 

และดาว ๑ ร่วม ๗ ในภพกัมมะจากดาว ๒ ในชาตา มักเข้ากับคนในสังคมไม่ได้ ชอบนินทาและทะเลาะวิวาท

 

ดาวร้ายขึ้นชื่อเช่นดาว ๓ และดาว ๗ ถ้ากุมกันในภพที่ ๑๐ จากดาว ๒ มีผลให้อาภัพบุตร หรือไม่มีบุตร มักมีอาชีพที่เสี่ยงอันตราย

 

ดาว ๕ ร่วมกับดาว ๗ ในภพที่ ๑๐ เป็นคนมีความสามารถพิเศษ ไม่ชอบตามใคร แต่ก็ชอบยุแหย่ให้คนแตกกัน เอาแต่ใจ บางครั้งเพ้อฝันเกินจริง

 

ดาว ๖ อยู่ร่วมกับดาว ๗ ในภพที่ ๑๐ จากดาว ๒ เป็นคนชอบประดิษฐ์ ชอบแต่งตัว เครื่องประดับ

 

สรุปแล้ว หลักในการพยากรณ์ มักจะขึ้นอยู่กับดาวบาปเคราะห์และดาวศุภเคราะห์ กล่าวคือ

 

“ถ้าในภพที่ ๑๐ มีดาวศุภเคราะห์ เจ้าชาตาจะประสบความรุ่งเรือง แต่ถ้ามีดาวบาปเคราะห์ ก็มักเป็นคนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีอุปสรรค ลุ่มๆ ดอนๆ แต่ถ้ามีทั้งบาปเคราะห์และศุภเคราะห์ ก็ต้องพินิจพิจารณาว่า ดาวดวงใดเข้มแข็งกว่ากัน ดาวดวงนั้นจะให้ผลก่อน”

 

คงพอจะทายตัวเองได้แล้วนะคะ ควรจะหันเหชีวิตไปในทางใด หรือจะประกอบอาชีพแบบใดดี สวัสดีค่ะ