ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

 

ชื่อนั้นสำคัญไฉน ตอน 1
23 เม.ย. 2556

 

 

ประสบการณ์อาจารย์แอน จากรายการวิทยุ 
 

ชื่อนั้นสำคัญไฉน...โดย อาจารย์ษณอนงค์ (อาจารย์แอน)

 

 

      วันนี้พูดคุยกันถึงเรื่อง ชื่อ เช่น ชื่อคน ชื่อห้างร้านต่าง ๆ ชื่อคนกับชื่อบริษัทนั้นมีผลต่อกิจการหรือผู้ประกอบการณ์หรือไม่ ก่อนที่เราจะตกลงปลงใจเชื่อว่าจะมีผลมากน้อยขนาดไหน ลองดูมาดูการใช้หลักในการตั้งชื่อก่อน

 

หลักของการตั้งชื่อคนเราจะใช้หลักแบบ มหาทักษา เข้ามาช่วย นอกจากมหาทักษาแล้วเราก็จะดูดวงชะตาประกอบกัน 

               

ส่วนการตั้งชื่อบริษัท เราจะดูความสอดคล้องและมีองค์ประกอบของโลโก้ด้วย มักจะไม่เหมือนกัน นอกจากมีองค์ประกอบของโลโก้  ความสอดคล้องของดวงชะตาผู้เป็นเจ้าของและต้องสอดคล้องกับอาชีพที่กำลังดำเนินอยู่  และต้องมีทำเลของที่ตั้งบริษัทประกอบด้วย 

               

สรุปคือ ถ้าเป็นชื่อคน ใช้แค่หลักวิชาโหราศาสตร์ แต่ถ้าเป็นชื่อบริษัทห้างร้านต่างๆ ธุรกิจตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ ต้องดูประกอบกันทั้งโหราศาสตร์และฮวงจุ้ย 

          

การตั้งชื่อคน อาจารย์จะเลือกให้  3  ชื่อโดยใช้หลักทักษา และ ตรวจสอบกับดวงชะตา เลือกดวงดาวที่ดีที่สุดในดวงชะตาของบุคคลคนนั้น รวมทั้งความหมายที่สอดคล้องกับดวงชะตา หรือแก้จุดอ่อนในดวงชะตา แต่ก็ต้องไม่ขัดกับความสามารถหรือวาสนากับดวงชะตา และ แน่นอน ต้องไม่ส่งผลร้ายกับเจ้าชะตา เพราะการตรวจดูดวงควบคู่กับทักษาเป็นเรื่องละเอียดที่ต้องใคร่ครวญให้ดี หลังจากนั้น ก็ให้เจ้าของเลือกเอง จากชื่อทั้งสามนั้น

              

แต่ถ้าหากว่าเป็นบริษัทหรือะไรก็แล้วแต่  ต้องศึกษาประเภทของกิจการก่อน  ตรวจสอบว่ากิจการของเขานั้นมีความความสอดคล้องกับความเป็นไปของตัวเขา  ไม่ขัดกับวงจร ไม่ขัดต่อตระกูล และไม่ขัดต่อศีลธรรม เพราะถ้าขัดสามอย่างนี้ กิจการนั้นอายุไม่ยืน

 

ดังนั้นเราจำเป็นต้องรู้โดยละเอียดว่าเขาทำอะไร สิ่งที่เป็นมา หรือเป็นไปของบริษัท ของผู้ประกอบการนั้นๆ จะบอกดวงชะตาเขาในขั้นต้น  และถ้าเกิดเราจะให้ปรับเปลี่ยนหมายความว่า เรากำลังจะปรับเปลี่ยนดวงชะตาที่เป็นพื้นฐาน  แก้จุดที่บกพร่องที่มันเกิดขึ้นโดยเริ่มต้นจากโลโก้หรือว่าชื่อบริษัทนั้นๆ

               

ชื่อคนนั้น มีผลกับเจ้าตัว ชื่อเป็นสิ่งที่เรียกบ่อยที่สุด  สมมติชื่อมีความหมายไม่ตรงกับดวงชะตาของเรา สมมติว่าตรงกับดาวกาลกิณี  ตรงกับดาวเสื่อม  ดาวร้าย  ดาวอุบัติเหตุ  และเราไปตั้งชื่อให้ตรง เช่นยกตัวอย่าง  ชื่อ วิบัติ หรือว่าชื่ออะไร ที่ทำให้ตระหนกตกใจ ชื่อที่มีความหมายไปในทำนองนั้น 

 

ชื่อที่มีความหมายดีๆ ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง อย่างน้อยเตือนใจให้ทำในสิ่งที่เป็นมงคล  การที่คนเรียกเราด้วยชื่อที่มีความหมายดี เหมือนได้รับพร   และถ้าเป็นชื่อที่มีความหมายร้าย ก็เหมือนได้รับการสาปแช่งอยู่ตลอดที่มีเสียงเรียกเรา
 

                 


ตอนนี้ สังคมได้นิยมมีชื่อเล่นแปลกๆ  ถ้าชื่อเล่นบังเอิญอาจจะไม่ได้มีความหมายในภาษาเรา  แต่ว่าเราไปอยู่ที่ประเทศอื่นที่ชื่อนั้นมีความหมาย ถ้าอย่างนี้เวลาเราไปอยู่ในประเทศนั้นก็ใช้หลักเดียวกัน เช่นในประเทศไทย เราชื่อ ภูชิต ไปอยู่เมืองฝรั่ง เรียกเรา บู๊ชิต อย่างนี้ก็ต้องเปลี่ยน ไม่ถูกแช่งในไทยก็ไปถูกแช่งที่ต่างประเทศ เราก็ไม่เอาใช่ไหม  

 

เรื่องชื่อนั้นเป็นเรื่องอะไรที่อ่อนอกอ่อนใจเหมือนกัน  เรื่องชื่อเล่นถ้าตั้งแล้วไม่มีความหมาย มันก็ไม่มีความหมาย หรือว่าถ้าจะดูว่าทันสมัย มันก็ทันสมัยมันตรงตัว  แต่ทีนี้จะมีความหมายมากๆ  อย่างคนชื่อหนู ตอนเล็กๆ เรียก  ตาหนู  แม่หนู  แต่พอโตขึ้นมาเป็นผู้บริหาร  เรียกคุณหนู ถ้าเป็นผู้ชายก็ทำงานใหญ่ยาก  แต่ถ้าเป็นผู้หญิงความรับผิดชอบมันก็จะน้อย ต้องเติมคำว่า big เข้าไปมันถึงจะช่วย มันถึงจะเกิดความสมดุล 

 

ชื่อจะมีความหมายก็อยู่ที่ว่าให้ความเข้มแข็ง อ่อน  หรือว่าอะไร  อย่างผู้ชายชื่อมีคำว่า วัน  เช่น  ตะวัน  เรียกตะวันยังพอมีความหมาย  แต่ว่าเรียก “วัน”เฉยๆ  มันก็เลยทำให้เขามีนิสัยคล้ายกับผู้หญิงคือ ละเอียดอ่อน  จุกจิก  ขี้ใจน้อยหรือเปล่า  ก็ต้องสังเกตเอาเอง

 

สมมติว่ามีเพื่อนชื่อโบ เป็นผู้ชาย แต่ว่าชื่อจริงๆ เขาย่อมาจากโบว์ลิ่ง  แต่เพื่อนก็เรียกกันว่า โบ ซึ่งความหมายของโบว์ หรือ ริบบิ้น มันอาจจะไปผูกตลอด  และเขาก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างจะละเอียดเซ้นท์ซิทีฟ เนื่องจากชื่อคล้ายผู้หญิง แต่ถ้าสมมติว่าผู้ชายคนนี้ประกอบอาชีพการงานเกี่ยวกับผู้หญิง หรือเกิดในเทวีฤกษ์ หรือหน้าที่การงานแบบเทวีฤกษ์ คือทำงานที่ตรงกันข้ามกับตัวเอง ก็สามารถที่จะมีชื่อเป็นผู้หญิงได้  การทำงานที่ตรงข้ามกับเพศตัวเอง เช่น เพศหญิงขายอาวุธ  เป็นวิศวกร  เพศชายขายเครื่องสำอาง  ขายผ้าอย่างนี้ไม่เป็นไร  ถ้าเป็นนักบินหรือทหาร มีชื่อเป็นผู้ชายจะดี ยังไม่มีใครชื่อว่านายดอกไม้  เพราะความเข้มแข็งมันก็จะไม่มี ในที่สุดมันก็จะไม่ได้ขับเครื่องบินจะต้องลงมาทำงานอยู่เบื้องหลัง

 

ถ้ากรณีชื่อโบว์ลิ่ง ก็ต้องเรียกให้เต็มว่าโบว์ลิ่ง เพื่อทำให้ดูเป็นผู้ชายขึ้น   เคยรู้จักนักบินชื่อไก่  แต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ได้บินแล้วเพราะว่าต้องกระต้ากๆ  คือ  ต้องทำงานวุ่นวายอยู่ข้างล่างไม่ได้บิน 

 

ส่วนชื่อเล่นก็มีผลส่วนหนึ่ง  ชื่อเล่นนั้นอาจจะมีผลมากกว่าชื่อจริง ยกตัวอย่างเช่นมีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง พ่อบ้านชอบตีกอล์ฟมาก เลยตั้งชื่อลูกว่าไดร์ฟ  ดิวส์  หรืออีกบ้านหนึ่งตั้งชื่อลูกว่าธนา คนเล็กชื่อแบงก์ก็จะรู้เลยว่าบ้านนี้ทำอาชีพการเงิน  แม้กระทั่งชื่อก็ยังสามารถบอกได้เลยว่าบ้านนี้ทำงานอะไร

 

ถ้ากรณีชื่อคล้ายสัตว์ต้องดูว่าน่าเอ็นดูหรือเปล่า น้องแมวก็มีนิสัยเหมือนแมว  แต่ถ้าอย่างชื่อแนท  มาจากภาษาผรั่งเศส มิแนท แปลว่าแมว  มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คนที่เรียกชื่อต้องมีความรู้ ถ้าเขาเรียกด้วยความรู้ มันก็มีผล  ผู้เรียกผู้รับ  แม่ตั้ง ลูกรับ อันนี้มันมีผล  คุณแม่ก็จะมองคุณลูกเป็นแมว คือจะเลี้ยงแบบแมว คือจะมีความอ่อนโยน  ไม่ก็ดื้ออย่างแมว  หรือว่าหยิ่ง  ไม่ให้ไปทางไหนก็จะไปทางนั้น  เหมือนดึงหางแมว แมวก็ตะกายเสื่อต่อต้าน   คนที่ชื่อออกแมวๆก็จะเป็นอย่างนั้น  แต่ถ้าชื่อแนทกลายเป็นความหมายว่าผีของประเทศพม่า  กรณีนี้ถ้าเราอยู่ประจำที่ประเทศพม่าก็ไม่ควรตั้งชื่อแนท แต่ถ้าไปพม่าแค่ชั่วคราวชื่อแนทก็ไม่มีผล 



(มีตอนต่อ...)

 

 

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง
  • ชื่อนั้นสำคัญไฉน ตอน 2