ดาวบาปเคราะห์...ดาวมฤตยู (๐)

โดย อาจารย์แอน

     หลักโหราศาสตร์ไม่เคยทิ้งดาวเกษตร และอุจ แต่จะให้ความสำคัญที่สุดกับความสัมพันธ์ของดวงดาวแต่ละดวง ที่โคจรคู่กัน ห่างกัน ทำมุมแก่กัน เราจึงต้องมีความเข้าใจถึงความสัมพันธ์นี้ด้วย

ก่อนอื่นสังเกตจากตัวเรานี่แหละ หน้าตาไปไหนไม่ชวนเอ็นดู พูดจาไม่ชวนฟัง แสดงว่าดาวดีในดวงชะตาไม่ส่งผล บางครั้งก็อาจจะดีบ้างแสดงว่า ดาวจรฝ่ายดีส่งแสงให้เรา ถ้าดวงชะตาส่งผลร้ายมาแต่กำเนิด เราก็จะมีปัญหาด้านนี้มาแต่กำเนิด ดาวร้าย หรือ เรียกทางโหราศาสตร์ว่า ดาวบาปเคราะห์ มี ดาว ๗ ๘ และ ๓ ส่วนดาว ๑ ถ้ามาอยู่ร่วมด้วย ก็ยิ่งร้อน ยิ่งร้ายไปอีก ดาว ๙ มาอยู่ด้วยก็ส่งเสริมกันเข้าไปใหญ่

ดาวบาปเคราะห์ คือ ให้ผลร้ายมากกว่า แต่ก็มีดี ถ้าได้แสงจากดาวดี เหมือนคนตัวโต หยาบๆ กลัวเมียสวย
 

ดาวสวย เอ้ย ดาวดี มีอะไรบ้าง ดาว ๒ ๔ ๕ และ ๖ ทางโหราศาสตร์ เรียกว่า ศุภเคราะห์ พื้นนิสัยเราก้าวร้าว ชอบด่า โทสะแรง ไม่ชอบให้ใครดีกว่า ขี้อิจฉา ขี้หมั่นไส้ ชอบขุดคุ้ย ยุ่งเรื่องคนอื่น ชอบแสดงตัว อวดเก่ง ยกตนข่มท่าน วิตกกังวล หวาดระแวงชัดเลย มีดาวบาปเคราะห์แสดงผลเต็มที่ ชีวิตก็จะหันเห ถูกชักนำไปกับดาวบาปเคราะห์

พื้นนิสัยเราอ่อนโยน พูดจาไพเราะ ใครเห็น ใครชอบ ใครรัก เป็นที่รัก มากกว่าชัง ใจเย็นมีเมตตา อ่อนน้อมถ่อมตน อดทน ข่มกลั้น ไม่ขึ้ง เครียด หงิกงอ มีอารมณ์ขัน แสดงว่า ดาวศุภเคราะห์แสดงผลมากกว่า ชีวิตก็จะดีไปตามความเป็นศุภเคราะห์

ง่ายๆ แค่นี้ แต่ถ้าเรามีนิสัยคละเคล้าไป แล้วแต่ละวันมีครบทั้งสองด้าน ดวงชะตาชีวิตก็สับสน ตัดสินใจยาก ทำอะไรสองครั้งถึงจะสำเร็จ

อย่าเพิ่งไปคิดถึงฤกษ์ยามกี่ชั้น โหราศาสตร์ชั้นสูงอะไร สังเกตตนเองและคนรอบข้างให้เป็น ให้ละเอียด เอาหลักง่ายๆ ไปก่อน

เพื่อทำความรู้จักความหมายของดาวบาปเคราะห์ และศุภเคราะห์ จริงๆ

แนะนำให้รู้จักฝ่ายร้ายอีกดวง เรียกว่า มฤตยู แทนด้วย ๐ คือ ศูนย์จริงๆ เภทภัยที่จะดึงทุกอย่างไปจากเรา หน้าแก่เร็ว ก็ ๐ ความคิดเก่าไปใหม่มา ก็อิทธิพลดวงนี้ ๐ ลองคิดดูว่าชีวิตเรานะสูญเสียอะไรไปบ้าง แล้วได้อะไรใหม่ๆ มาบ้าง เยอะไหม นี่แหละอิทธิพลมากหรือน้อยของดาว ๐